จี้สอบโรงไฟฟ้า ข้อเท็จจริงซีเซียมหาย ทบทวนทิศจัดการรัฐ ให้ประชาชนร่วม

ภาคประชาสังคมปราจีนบุรียื่นหนังสือต่อประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เรียกร้อง “จี้สอบเจ้าของโรงไฟฟ้า ต้นตอทำซีเซียมหายปริศนา” พร้อมทบทวนมาตรการจัดการภาครัฐต่อกรณีนี้ ให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วม

6 ข้อเรียกร้องคือ 1. บริษัทมีมาตรการรับมืออย่างไร 2. หน่วยงานต่าง ๆ ทำหน้าเต็มตามความรับผิดชอบแล้วหรือไม่ 3. เปิดเผยข้อมูลโรงไฟฟ้ากรณีขออนุญาตครอบครองสารกัมมันตรังสีหรือไม่ 4. เปิดเผยข้อมูลเส้นทางซีเซียม 5. มาตรการกำจัดฝุ่นแดง และ 6. ภาคประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างไร

“ผู้ว่าปราจีนฯ เตรียมชำระล้างโรงหลอมเปื้อนซีเซียม” ปส. เผยความคืบหน้าการดำเนินการในพื้นที่ของภาครัฐ

(ภาพ : Hfocus)

ยื่นเช้านี้ ที่รัฐสภา

วันนี้ (27 มี.ค. 2566) เวลาประมาณ 10:00 น. ณ บริเวณจุดแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาคประชาสังคมปราจีนบุรี เข้ายื่นหนังสือต่อประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ จำกัด กรณีวัสดุกัมมันตรังสี “ซีเซียม-137” สูญหายจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน และหน่วยงานที่ทำหน้าที่ ควบคุมกำกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเร่งด่วนที่สุด โดยมี พลเอก มารุต ปัชโชตะสิงห์ รองประธาน กมธ. เป็นผู้รับเรื่อง

“จากกรณีวัสดุกัมมันตรังสี “ซีเซียม-137” สูญหายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 304 อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวปราจีนบุรีเป็นอย่างมาก ทั้งต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวผลกระทบที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว และยังอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในมาตรการจัดการกับวัสดุกัมมันตรังสีของประเทศไทยอีกด้วย” วิโรจน์ น้อยสำเนียง ตัวแทนยื่นหนังสือ กล่าว 

พลเอก มารุต ปัชโชตะสิงห์ รองประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าวหลังจากรับหนังสือว่า จะนำเรื่องดังกล่าวหารือต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ และเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพื่อติดตาม และพิจารณาต่อไป

เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างอากาศเพื่อนำไปทดสอบการปนเปื้อน โดยผลออกมาว่า “ไม่พบการปนเปื้อน” (ภาพ : สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ)

ไม่มั่นใจ ความโปร่งใสการจัดการภาครัฐ

โดยข้อความจากหนังสือระบุว่า กรณีซีเซียม-137 สูญหายไปจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนของบริษัท บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ จำกัด ใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี สร้างความกังวลต่อผลกระทบของกัมมันตภาพรังสีที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และตกค้างในระยะยาว ซึ่งอาจส่งผลเสียไปยังความเชื่อมั่นต่อผลผลิตด้านเกษตรของจังหวัด รวมถึงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการจัดการวัตถุกัมมันตรังสีของปรเทศไทยด้วย

“ตลอดช่วงเวลากว่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานับแต่มีข่าววัสดุกัมมันตรังสี “ซีเซียม-137” สูญหายจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวกลับมีท่าทีนิ่งเงียบ เฉยเมยต่อหายนะร้ายแรงที่เกิดขึ้น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำหน้าที่ในการอนุญาต การควบคุมกำกับ ไม่ให้ข้อมูลที่สะท้อนการทำงานว่ามีการควบคุมกำกับอย่างถูกต้อง รัดกุม 

แสดงถึงการทำงานที่ขาดความโปร่งใส ทำให้ภาคประชาสังคมไม่เชื่อมั่น และสงสัยการดำเนินของบริษัททั้งระบบโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการจัดการของเสียและกากอุตสาหกรรมและการทำงานของหน่วยงานที่ควบคุมกำกับว่าได้ทำหน้าที่หรือไม่ มีความหวั่นเกรงว่าจะมีภัยพิบัติจากความสะเพร่าเช่นนี้อีก” ข้อความจากหนังสือเรียกร้อง

(ภาพ : MCOT)

6 ข้อเรียกร้อง

“จึงขอให้คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ตรวจสอบทั้งเอกสาร และลงพื้นที่จริง เพื่อค้นหาปัญหาที่แท้จริง เผยแพร่ข้อมูลต่อสังคมให้กระจ่างชัด ให้ข้อเสนอแนะในการจัดการทั้งระบบ การพัฒนากฎหมาย กฎระเบียบในการควบคุมและกำหนดบทลงโทษ ความรับผิดชอบผู้กระทำผิด โดยขอให้

1. ตรวจสอบบริษัทดังกล่าวว่า มีมาตรฐานการกำจัดของเสียอย่างไร มีการถือครองกัมมันตรังสีทั้งหมดกี่รายการวันเดือนปีที่ได้รับอนุญาตเมื่อไหร่ ความเข้มข้นเท่าใด ใช้ทำอะไร ลักษณะที่ตั้งอยู่เป็นอย่างไร สภาพปัจจุบันเป็นอย่างไร มีการควบคุมกำกับ ตรวจสอบ ป้องกันความเสี่ยงอย่างไร มีมาตรการการรับมือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และการสูญหายอย่างไร ถ้าหมดสภาพการใช้งานแล้วมีแผนการกำจัดอย่างไร การกำจัดมีเอ็มโอยูกับบริษัทหรือหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ เกิดการสูญหายได้อย่างไร รายการที่สูญหายมีความเข้มข้นของสารอยู่เท่าไหร่ มีการจัดการอย่างไรเมื่อทราบว่าสูญหาย และขอให้คณะกรรมาธิการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่จริง

2. ขอให้เปิดเผยข้อมูลประชาพิจารณ์ในการขอสร้างโรงงานไฟฟ้าแห่งนี้ มีการเปิดเผยข้อมูลหรือไม่ ว่ามีสารกัมมันตรังสีอยู่ในโรงงานไฟฟ้าแห่งนี้

3. ตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานที่ทำหน้าที่อนุญาต และควบคุมกำกับ ว่ามีทั้งหมดกี่หน่วยงาน แต่ละหน่วยงานทำหน้าที่อะไรบ้าง มีการทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดหรือไม่ มีการเข้าไปตรวจสอบหรือไม่ เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ฯ

4. ขอให้ฝ่ายสอบสวนเปิดเผยข้อมูลเส้นทางของแท่งซีเซี่ยม-137 ว่าหายไปได้อย่างไร ไปไหนบ้าง ใครบ้างที่สัมผัส และมีการจัดการอย่างไร

5. ข้อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดเผยข้อมูลการกำจัดฝุ่นแดงจากการเผาก้อนซีเซี่ยม-137 ว่ามีกระบวนการกำจัดตั้งแต่การจัดเก็บไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายอย่างไรรวมถึงกากอุตสาหกรรมกัมมันตรังสีทั่วไปด้วย

6. ขอแนวทางการเข้าไปมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการติดตามการปฏิบัติงานของภาครัฐ เฝ้าระวัง การทำงานของโรงงานเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้มีผลกระทบกับประชาชนที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับโรงงานแต่ต้องมารับเคราะห์กรรม

(ภาพ : สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ)

เตรียมชำระล้างโรงหลอม แก้ปนเปื้อนรังสี

วานนี้ (26 มี.ค. 2566) สำนักปรมาณูเพื่อสันติ เปิดเผยว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมการร่วมประชุมหารือ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ และพิจารณายกร่างแผนการชําระล้างระบบการหลอมโลหะ รวมทั้งชําระล้างการ ปนเปื้อนวัสดุกัมมันตรังสีบริเวณโรงหลอมเหล็ก ซึ่งจะไม่มีผลกระทบ และปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม หากมีพายุฝน ฟ้าคะนองเกิดขึ้นตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือน