กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เผยเตรียมบินทำฝนหลวงที่ระยองต่อเนื่อง 1 สัปดาหห์ เป้าลดฝุ่นกทม.-ปริมณฑล เริ่มบ่ายวันนี้ (3 ก.พ. 2566)
นอกจากนี้จะสนับสนุนปฏิบัติการ “เฝ้าระวัง-ดับไฟป่า” พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ส่งเฮลิคอปเตอร์ 3 เครื่อง ช่วยดับไฟป่า พื้นที่เป้าหมาย “6 ดอย 19 ป่ารอยต่อ” เพื่อบรรเทาวิกฤตฝุ่นภาคเหนือ

“เริ่มบ่ายนี้” ฝนหลวงระยอง ลดฝุ่นกทม.
“ในวันนี้(3 ก.พ.2566) ได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว 2 จุด คือ จังหวัดเชียงใหม่ ปฎิบัติการตั้งแต่ 3-7 ก.พ. 2566 และ จังหวัดระยอง ณ สนามบินอู่ตะเภา ปฎิบัติการตั้งแต่ 3-10 ก.พ. 2566
โดยในส่วนของหน่วยเคลื่อนที่เร็ว จังหวัดระยอง จะทำการบินเพื่อก่อเมฆฝน ให้เคลื่อนตัวเข้ามายังพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เนื่องจากไม่สามารถทำการบินในพื้นที่ใจกลางเมืองได้ โดยจากการประมาณทิศทางลมตะวันออก และ ค่าความชื้นคาดว่าจะก่อให้เกิดฝนเพื่อบรรเทาค่าฝุ่นละออง PM2.5 ได้บ้าง ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้
ในแต่ละวันเราจะทำการบินหลาย ๆ รอบ เพื่อก่อให้เกิดเมฆฝนมากที่สุด ซึ่งปริมาณฝนที่ได้อาจจะไม่มากเท่าฝนธรรมชาติ แต่ก็จะช่วยให้ค่าฝุ่นเบาบางลง โดยการขึ้นบินแต่ละครั้ง จะใช้เวลาก่อตัวของเมฆ 1-2 ชม. ด้วยเครื่องบินฝนหลวงคาราแวน (caravan) จำนวน 2 ลำ” วาสนา วงษ์รัตน์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการฝนหลวง เปิดเผย จากการรายงานของ NationTVLive

สนับสนุน 3 เฮลิคอปเตอร์ ดับไฟป่า 17 จว.ภาคเหนือ
เฝ้าระวัง 6 ดอย 19 ป่ารอยต่อ
“ตามที่ค่าคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้นและมีค่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยบริเวณตอนบนมีกำลังอ่อนลง จึงทำให้มีการสะสมของฝุ่นละอองเพิ่มมากขึ้น
ประกอบกับข้อมูลสถานการณ์ค่าคุณภาพอากาศจากกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 พบว่า ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 มีค่าอยู่ระหว่าง 47-128 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน หรือ PM10 มีค่าอยู่ระหว่าง 62-188 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในระดับเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) ถึงระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) โดยส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือเป็นวงกว้างแล้วนั้น
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้สั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร วางแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยขอให้ประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าไม้ ลดโอกาสการเกิดไฟป่า บรรเทาปัญหาหมอกควันและปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
จากสถานการณ์ดังกล่าว กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เพื่อทำฝนบรรเทาปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยมอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด
ซึ่งพบว่า ในทุกๆ ปี ภาคเหนือจะได้รับอิทธิพลจากบริเวณความกดอากาศสูง และคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกที่แผ่ปกคลุม ทำให้มีโอกาสเกิดฝน 3-5 วันต่อเดือน และติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุกวัน เพื่อวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อสภาพอากาศเหมาะสมและเข้าเงื่อนไข
โดยมีพื้นที่เป้าหมายช่วยเหลือ จำนวน 6 ดอย ได้แก่ บริเวณดอยพระบาท จังหวัดลำปาง ดอยจระเข้ จังหวัดเชียงราย ดอยกองมู จังหวัดแม่ฮ่องสอน ดอยขะม้อ จังหวัดลำพูน ดอยหลวงและดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงพื้นที่เฝ้าระวังรอยต่อระหว่างจังหวัด จำนวน 19 รอยต่อของพื้นที่ภาคเหนือที่อาจเกิดไฟป่าอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังมีการสนับสนุนอากาศยานให้แก่กองทัพภาคที่ 3 เพื่อใช้ในการปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าและบินสำรวจจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2566 เป็นต้นมา จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ประกอบด้วย เฮลิคอปเตอร์แบบ Bell 407 จำนวน 1 เครื่อง (พร้อมอุปกรณ์ตักน้ำดับไฟป่า) เครื่องบินแบบ CASA จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องบิน Super King Air จำนวน 1 เครื่อง
ทั้งนี้ กรมฝนหลวงฯ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน พี่น้องเกษตรกร งดการเผาทุกประเภท เพื่อช่วยกันลดปัญหามลพิษจากหมอกควันและฝุ่นละออง”
สุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยวันนี้ ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ภาคเหนือ ณ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่
