ระดับฝุ่น PM2.5 ในอากาศกทม.-52 จังหวัดทั่วประเทศ “เกินค่ามาตรฐานความปลอดภัยสุขภาพ” รายงานล่าสุดค่ำวันนี้ (18.00 น) 89 พื้นที่ กทม–ปริมณฑล “ยังเกินค่ามาตรฐาน” เตือน “ความเสี่ยงสุขภาพ–เลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง”
อธิบดี คพ. เสนอ WFH ต่ออีกวัน ถึง 4 ก.พ.
ด้านเครือข่ายแก้ไขฝุ่นควันภาคเหนือเผย “รัฐตัวการสำคัญรมควันคนภาคเหนือ–เรียกร้องวราวุธสั่งหยุดเผาเอางบเขตอุทยาน”

89 พื้นที่ กทม–ปริมณฑล “ยังเกินค่ามาตรฐาน” ค่ำนี้
“คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ คุณภาพปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ สารมลพิษทางอากาศที่ตรวจพบเกินมาตรฐานได้แก่ ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ตรวจพบค่าระหว่าง 56 – 158 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) เกินมาตรฐานใน 89 พื้นที่”
กรมควบคุมมลพิษรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เมื่อเวลา 18.00 น. วันนี้ (2 ก.พ. 2566) (ดูรายละเอียดพื้นที่)

52 จังหวัด “เกินค่ามาตรฐาน”
“ภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศพบเกินค่ามาตรฐานใน จ.ปทุมธานี กรุงเทพฯ จ.นนทบุรี จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรปราการ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.น่าน จ.แม่ฮ่องสอน จ.พะเยา จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.ลำพูน จ.อุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย จ.ตาก จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.เพชรบูรณ์ จ.นครสวรรค์ จ.อุทัยธานี จ.สิงห์บุรี จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.อ่างทอง จ.สุพรรณบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี จ.สมุทรสงคราม จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.สระแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี จ.ระยอง จ.บึงกาฬ จ.หนองคาย จ.เลย จ.อุดรธานี จ.นครพนม จ.หนองบัวลำภู จ.สกลนคร จ.มุกดาหาร จ.ขอนแก่น จ.กาฬสินธุ์ จ.ร้อยเอ็ด จ.ชัยภูมิ จ.อุบลราชธานี จ.ศรีสะเกษ จ.นครราชสีมา และ จ. บุรีรัมย์
ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 43 – 119 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 57 – 158 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 48 – 110 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 40 – 79 มคก./ลบ.ม. ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 17 – 28 มคก./ลบ.ม.
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 62 – 139 มคก./ลบ.ม.”
ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ประจำวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ณ 07:00 น ซึ่งยังคงอยู่ในแนวโน้มนี้กระทั่งการรายงานล่าสุด เมื่อเวลา 18.00. น.

เตือน “ความเสี่ยงสุขภาพ–เลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง”
“ประชาชนทั่วไปควรเฝ้าระวังสุขภาพลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็นผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น
ถ้ามีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ สำหรับประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีแดง) ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์
สามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ airbkk.com แอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK” ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ แนะนำ

คพ. เสนอ WFH ถึง 4 ก.พ.
“พบฝุ่นละออง PM2.5 มีค่าเกินมาตรฐานจนอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพในหลายพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพมหานคร จังหวัดปริมณฑล 17 จังหวัดภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยในบางพื้นที่อยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ
คพ. คาดการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดปริมณฑล และ 17 จังหวัดภาคเหนือพบว่า ฝุ่นละอองยังคงมีแนวโน้มสะสมตัวมากขึ้น ในช่วงระหว่างวันที่ 2 – 4 กุมภาพันธ์ 2566 เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด
โดยพื้นที่ที่ควรเฝ้าระวังสำหรับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้แก่ พื้นที่กรุงเทพกลาง กรุงธนเหนือ และใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ท้ายลม และพื้นที่ที่ควรเฝ้าระวังสำหรับ 17 จังหวัดภาคเหนือได้แก่บริเวณภาคเหนือตอนบนและล่าง
โดย คพ. ได้ประสานงานและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” รวมทั้งได้วิเคราะห์สถานการณ์ PM2.5 และกำชับให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ยกระดับมาตรการควบคุมแหล่งกำเนิด เช่น ไม่ให้มีการเผาในที่โล่งอย่างเด็ดขาด ให้มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิง และประสานสำนักเลขาธิการอาเซียน ให้ประเทศเพื่อนบ้านเร่งดำเนินการลดจุดความร้อน รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภาคเหนือ ได้มีการเรียกประชุม War room ยกระดับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือ
นอกจากนี้ ทส. ได้ มีการบูรณาการความร่วมมือกับ กทม. อย่างใกล้ชิด ให้ยกระดับการดำเนินงานเน้นลดแหล่งกำเนิดฝุ่นละออง อาทิ ให้มีการตรวจโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด การขอความร่วมมือบริษัทเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ ให้เจ้าหน้าที่ Work From Home เพื่อลดปริมาณการจราจรบนท้องถนนและเพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน” ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) แถลงเช้าวันนี้
เผย “รัฐตัวการสำคัญรมควันคนภาคเหนือ–เรียกร้องหยุดเผาเอางบเขตอุทยาน”
“แดงค่อนประเทศ บอกเราว่า อีสาน กลาง กรุงเทพ ไม่รอดจากฝุ่นไฟ
เราเผาแบบไร้คุณภาพไร้การควบคุมมีพฤติกรรมที่เผากลางคืนเยอะกว่าลาวเขมรพอลมอ่อนความกดสูงอากาศปิดก็รมตัวเองทางเหนือนี่ตัวดีรัฐนั่นล่ะคือตัวการใหญ่เผารมประชาชน
ช่วยกันกระจายเครือข่ายท่านด้วยครับ เพื่อขอให้ผู้เกี่ยวข้อง (นายก รองนายกประวิทย์ รมต วราวุธ) สั่งการหยุดการเผาในป่าอุทยานเพียงเพื่อจะได้รับงบ แต่ไม่เคยจะแก้ไขปัญหาฝุ่นได้เลย
ขอช่วยกันแชร์ ให้กระจายไปทั้งสังคม เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องสั่งการให้หยุดและหาทางใหม่ในการบริหารเชื้อเพลิง ควรคำนึงถึงสุขภาพประชาชนก่อน
การบริหารจัดการเชื้อเพลิง ที่ไม่ใช้ข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาอย่างเข้มงวด ก็คือการปล่อยมลพิษทางอากาศให้ประชาชน แบบไร้ความรับผิดชอบ” รายงานจากเครือข่ายแก้ไขฝุ่นควันภาคเหนือระบุ