เกินมาตรฐาน 66 พื้นที่ “มลพิษ PM2.5 กทม.-ปริฯ” บ่ายนี้

คพ.คาดการณ์ “พรุ่งนี้จะเริ่มดีขึ้น-แต่จะกลับมาแย่อีก 1-3 ก.พ.” ผู้เชี่ยวชาญย้ำสาเหตุมาจากทั้งในพื้นที่ “มลพิษยานยนต์-อุตสาหกรรม” และนอกพื้นที่ “เผาภาคเกษตร–ไฟป่า” ท่ามกลางสภาวะอากาศ “ฝาชีครอบต่ำ” ทำสถานการณ์หนัก เตือนคนกรุงฯ ผลกระทบสุขภาพ

สื่อนอก “เดอะการ์เดียน” จับตารายงานปัญหาคุณภาพอากาศกรุงเทพฯ-ไทย

ภาพ : GreenNews

บ่ายวันนี้ 66 พื้นที่ “เสี่ยงกระทบสุขภาพ”

“คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ “คุณภาพปานกลางถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ” 

ตรวจพบระดับสารมลพิษในอากาศที่เกินมาตรฐาน ได้แก่ ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีค่าระหว่าง 40 – 78 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) เกินมาตรฐานรวม 66 พื้นที่” กรมควบคุมมลพิษรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลเมื่อเวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา (ดูพื้นที่ที่ PM2.5 เกินมาตรฐาน

“ประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ : ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ โดยท่านสามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ airbkk.com แอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK” รายงานคพ. แนะนำ

ภาพ : คพ.

พรุ่งนี้เริ่มดีขึ้น–จะกลับมาแย่อีก 1-3 ก.พ.

 “วันที่ 1-3 กุมภาพันธ์ 2566 พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลควรเฝ้าระวังการสะสมของฝุ่นละออง เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่ง และปิด  โดยพื้นที่ที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่พื้นที่กรุงเทพกลาง กรุงธนเหนือ และใต้ (พื้นที่ท้ายลม) 

สำหรับในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วง  29 -31 มกราคม 2566 แต่ควรเฝ้าระวังบริเวณภาคเหนือตอนบนและล่าง โดยเฉพาะช่วงวันที่ 28 มกราคม 2566 และ 1-3 กุมภาพันธ์ 2566” 

กรมควบคุมมลพิษคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ระหว่างวันที่ 28 มกราคม – 3 กุมภาพันธ์ 2566

ภาพ : GISTDA

ฝุ่นมาจากทั้ง “ในและนอก” กรุงเทพ

“สาเหตุหลักของฝุ่นพิษวันนี้ มาจากการเผากลางแจ้งในภาคเกษตรและป่าไม้ สมทบด้วยความเร็วลมที่ลดลง และเกิดปรากฏการณ์ฝาชีครอบต่ำมาก ทำให้ฝุ่นในพื้นที่ทั้งจากรถยนต์ รถบรรทุก และโรงงานอุตสาหกรรมระบายออกไม่ได้ และมีฝุ่นนอกพื้นที่มาสมทบ จำนวนจุดความร้อนที่รายงานโดย GISTDA พบว่าในประเทศไทยมีการเผาถึง 1047 จุด

แม้จะรู้ล่วงหน้าว่าวันนี้อากาศปิดและฝุ่นจะมาก แต่การเผากลับเพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการภาครัฐยังมีประสิทธิผลน้อย 

ข้าวยังคงครองแชมป์ในภาคเกษตรเช่นเคยคิดเป็น 185 จุด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 85 จุด อ้อยโรงงาน 54 จุด เกษตรอื่น 137 จุด และวันนี้พื้นที่ป่ามีการเผากันถึง 511 จุด ฝุ่นข้ามพรมแดนจากเพื่อนบ้านก็หนัก กัมพูชาเผากันถึง 2193 จุด ตามด้วยเมียนมาร์ 1490 จุด และสปป. ลาว 680 จุด

ควรงดกิจกรรมการเผาในช่วงนี้เพื่อลดความรุนแรงต่อสุขภาพ รักษาสุขภาพนะครับทุกคน กลุ่มเสี่ยง เด็ก คนสูงวัย และสตรีมีครรภ์ ควรงดกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงนี้นะครับ อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่นได้ก่อนออกจากบ้านและไม่ประมาทกับมัจจุราชมืดนะครับ” รศ.ดร.วิษณุ ระบุ

สื่อนอกจับตาสถานการณ์ “มลพิษอากาศกรุงเทพฯ-ไทย”

สื่ออังกฤษ “เดอะการ์เดียน” ได้ให้ความสนใจรายงานปัญหาคุณภาพอากาศของไทย โดยเฉพาะเมืองหลวงอย่างกรุงเทพช่วงนี้ ทั้งในมุมมองสถานการณ์ปัญหา สาเหตุ และการดำเนินการแก้ไข

“กรุงเทพฯ ประสบปัญหามลพิษอากาศพุ่งสูง เช้านี้ (26 ม.ค.) ค่าฝุ่นพิษ PM2.5 แตะ 63.2µg/m³ เกินกำหนดองค์การอนามัยโลก WHO ที่ 5µg/m³ ผู้ว่าฯ กทม.คนดัง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ยังไม่สั่งปิดโรงเรียน แต่ชาวกรุงได้รับคำแนะนำทำงานจากบ้าน สวมหน้ากากอนามัย ยอมรับหากวิกฤตสุดจะสั่งจำกัดการขนส่งคมนาคม

“การเผาทางการเกษตรและไฟป่าเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศในไทยช่วงระหว่างธันวาคม-เมษายน โดยเฉพาะทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ 

มลพิษจากการเผาไหม้เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อกรุงเทพฯ ที่แต่เดิมมีปัญหามลพิษของตัวเองจากโรงงาน เขตก่อสร้าง และการจราจรในเมืองหลวง 

ในเช้าวันนี้ (26) พบว่าฝุ่นพิษ PM2.5 ในกรุงเทพฯ แตะ 63.2µg/m³ อ้างอิงจาก IQAir บริษัทคุณภาพอากาศของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งสูงเกินกว่ามาตรฐานกำหนดขององค์การอนามัยโลก WHO ที่ตั้งไว้ที่ 5µg/m³ ค่ามลพิษในจังหวัดสมุทรสงคราม เขตชานเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเทพฯ และจังหวัดลำปางทางเหนือของไทยมีปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 มากที่สุดในประเทศ” เดอะการ์เดียน รายงาน