สัญญาณดีหลีเป๊ะ “อนุชา–บิ๊กโจ๊ก ยันจะไม่ดูแค่เอกสารสิทธิ์-สอบย้อนที่มาด้วย”

เครือข่ายหลีเป๊ะยื่นข้อมูลให้คณะกรรมการฯ รัฐบาล ก่อนประธานคณะกรรมการฯ “บิ๊กโจ๊ก” จะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลเพิ่ม

ทั้ง “อนุชา-บิ๊กโจ๊ก” ส่งสัญญาณบวกทิศแก้ปัญหาหลีเป๊ะ “รับปากไม่ดูแค่เอกสารวันนี้ แต่จะย้อนดูที่มาเอกสารสิทธิที่ดินด้วย” เผยไม่หนักใจหลังดูข้อมูลที่มีและได้คุยกับหน่วยงานเกี่ยวข้องรวมทั้งกรมที่ดิน พร้อมเพิกถอนหากผลสรุปชี้ ซึ่งต้องพิจารณาด้วยว่าจะจัดการอย่างไรหลังเพิกถอน 

พร้อมยืนยัน “คณะกรรมการฯ จะทำงานต่อ “ไม่หมดวาระตามรัฐบาล”

(ภาพ : เครือข่ายชาวเล อันดามัน)

ยื่นข้อมูล “คณะกรรมการฯ”

เมื่อเวลา 11.10 น. วันนี้ (20 ม.ค. 2566) ตัวแทนเครือข่ายชาวเลหลีเป๊ะ ได้เดินทางไปศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ตึกคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ (คพร.) เพื่อพบและยื่นข้อมูล “ที่ดินหลีเป๊ะ” จากการรวบรวมของเครือข่ายและข้อเท็จจริงจากพื้นที่ให้อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ในฐานะประธาน “คณะกรรมการตรวจสอบข้อมูล และข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ”

“ให้สัญญาว่าจะมีการดำเนินการอย่างถูกต้อง และเป็นธรรม เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับประชาชนอย่างแน่นอน

ตอนนี้คณะกรรมการฯ มีข้อมูลแล้วส่วนหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ดำเนินการต่อได้ ถ้าทางเครือข่ายฯ มีข้อมูลเพิ่มเติมจะมอบให้ก็สามารถนำมามอบให้ได้เลย เพื่อให้คณะกรรมการฯ จะได้รับทราบข้อมูลทั้งหมด

ไม่มีความกังวลต่อบรรดาผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จะไม่มีการแทรกแซงจากผู้มีอิทธิพล ชาวบ้านจะได้รับความยุติธรรมอย่างแน่นอน และจะมีการดำเนินการเอาผิดทุกแปลงที่มีการออกให้อย่างมิชอบแน่นอน” รมต.อนุชากล่าวกับตัวแทนเครือข่ายฯ หลังรับข้อมูล

(ภาพ : เครือข่ายชาวเล อันดามัน)

รับปาก “จะดูที่มาเอกสารสิทธิด้วย”

“จะมีการพิจารณาให้มากกว่าเพียงแค่เอกสาร แต่จะดูถึงที่มาที่ไปของการออกเอกสารนั้นด้วย ว่าได้มาโดยถูกต้องหรือไม่ โดยจะดูตั้งแต่อดีตก่อนที่จะมีเอกสารมาจนถึงปัจจุบัน” 

รมต.อนุชา ตอบคำถามผู้สื่อข่าว The Reporters ในประเด็นที่มีข้อกังวลจากนักวิชาการว่า ชาวเลจะเสียเปรียบหากมีการพิจารณาข้อพิพาทที่ดินโดยยกแค่เอกสารมาพิจารณา โดยไม่มองข้อเท็จจริงว่ามีชาวเล เข้ามาตั้งรกรากอยู่บนเกาะก่อนที่จะมีการออกเอกสารหลักฐาน

“ในการตรวจสอบจะมีการใช้หลักฐานอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย ไม่ดูเพียงแค่เอกสารสิทธิ์” พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ กล่าวยืนยันกับตัวแทนเครือข่ายฯ หลังเดินทางพบในเวลา 11:30 น. 

(ภาพ : เครือข่ายชาวเล อันดามัน)

“เพิกถอนไหม ขึ้นกับข้อมูล-ไม่หนักใจ” บิ๊กโจ๊ก

“ขณะนี้ได้หารือกับทั้งกรมที่ดิน กรมอุทยานฯ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และ DSI 

โดยการแก้ไขปัญหาจะต้องหาให้พบก่อน ว่าหลังปี 2498 ที่ดินสค.1 และนส.3 มีการออกให้อย่างถูกต้องหรือไม่ โดยมีข้อมูลในส่วนนี้แล้ว เนื่องจากมีการดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2533 

จากข้อมูลที่มี ก็ไม่มีความหนักใจ ส่วนไหนที่ออกโดยมิชอบ ก็ต้องมีการดำเนินการเพิกถอนโดยกรมที่ดิน  โดยจะอาศัยหลักของผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย ส่วนไหนที่ออกโดยชอบ ก็ถือว่าถูกต้อง โดยจะมีการตรวจสอบจากหลายหน่วยงาน 

มีการหารือกับอธิบดีกรมที่ดินแล้ว ส่วนไหนเกิน ส่วนไหนไม่เกิน ตอนนี้มีข้อมูลหมดแล้ว จากการตรวจสอบร่วมกับกรมที่ดินมีความเห็นตรงกันว่า มีบางแปลงที่มีการออกเอกสารสิทธิ์เกิน แต่ส่วนที่ต้องเพิกถอนที่อาจจะต้องใช้หลักฐานมากกว่านั้น เราก็ต้องรวบรวมก่อน

ตอนนี้มีข้อมูลอยู่พอสมควร เห็นแล้วว่าส่วนไหนเกิด ส่วนไหนออกไม่ถูกต้อง โดยส่วนที่เกินจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา แล้วส่งเรื่องต่อกรมที่ดิน กรมที่ดินจะดำเนินการตั้งคณะกรรมการ เพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา แต่จะเร่งดำเนินการให้อย่างเร็วที่สุด เพราะความเดือดร้อนไม่สามารถรอได้” ” พล.ต.ท. สุรเชษฐ์กล่าว

(ภาพ : เครือข่ายชาวเล อันดามัน)

อีกประเด็นพิจารณา “จะจัดการอย่างไร หลังเพิกถอน”

“หลังจากนี้ หากมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ในส่วนของความเสียหายจะต้องมาดูกันอีกว่าต้องจัดการอย่างไร โดยเมื่อที่ดินที่ออกโดยมิชอบกลับมาเป็นของรัฐแล้ว ทางรัฐจะเป็นผู้ดำเนินการจัดสรรที่ดินด้วยตัวเอง ” พล.ต.ท. สุรเชษฐ์กล่าว

ไม่หมดวาระตามรัฐบาล

“คณะกรรมการฯ ชุดนี้จะมีการดำเนินการต่อ ไม่หมดวาระไปตามรัฐบาลอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าคณะทำงานจะถูกตั้งขึ้นโดยคำสั่งรัฐบาลก็ตาม” 

พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ถึงประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลว่าคณะกรรมการฯ ชุดนี้อาจหมดวาระไปตามรัฐบาล

ผู้สื่อข่าว The Reporters ถามว่า ตอนนี้มีชาวบ้านถูกศาลตัดสินแล้วว่าเป็นฝ่ายบุกรุกที่ดิน แต่ถ้าผลจากการลงพื้นที่หลังจากนี้ปรากฎออกมาว่า ที่ดินนั้นเป็นที่ดินที่เกินมาทับที่ชาวบ้าน จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ให้คำตอบว่า “จะต้องมีการตรวจสอบทั้งหมด โดยจะเริ่มตั้งต้นจากการลงพื้นที่ 22 นี้” 

(ภาพ : เครือข่ายชาวเล อันดามัน)

ขอความคืบหน้า ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์-กองทุนยุติธรรม

ก่อนจะเดินทางกลับเพื่อไปรอคณะกรรมการฯ ลงพื้นที่ 22 ม.ค. นี้ เครือข่ายยื่นหนังสือต่อ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ขอทราบ ความคืบหน้าการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินของเอกชนทับที่ดินโรงเรียน และความคืนหน้าด้านการประสานกองทุนยุติธรรม เพื่อช่วยเหลือทางด้านคดีของชาวเล เกาะหลีเป๊ะ ที่ตกเป็นผู้ต้องหา 30 ราย โดยมี พันศักดิ์ เจริญ ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับหนังสือเนื่องจากเลขาธิการฯ ติดภาระกิจ