เอสซีจีเผย เอเปคให้โอกาสพบ 3 ผู้นำประเทศ คุย “การลงทุน-การค้ายั่งยืน”

3 ผู้นำประเทศ ที่ผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มธุรกิจเอสซีจีได้มีโอกาสเข้าพบและพูดคุยคือ เหวียน ซวน ฟุก (Nguyen Xuan Phuc) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เฟอร์ดินานด์ โรมูอัลเดซ มาร์กอส จูเนียร์ (Ferdinand RMarcos Jr.) ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และฮัน ด็อกซู (Han Ducksoo)  นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลี 

เอสซีจีเข้าพบประธานาธิบดีเวียดนาม (ภาพ : SCG)

การประชุม  APEC 2022 ประเทศไทยครั้งนี้ เป็นเวทีสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก มีส่วนสำคัญทำให้การค้า การลงทุน และเศรษฐกิจของภูมิภาคฟื้นตัว 

ทั้งยังเป็นโอกาสอันดีที่ภาคธุรกิจได้มีโอกาสเข้าพบผู้นำประเทศต่างๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นำไปสู่การเจรจาความร่วมมือด้านธุรกิจ การค้า การลงทุน เพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกให้แข็งแกร่งมากขึ้น สอดคล้องกับแนวคิดของ APEC 2022 ประเทศไทยเปิดกว้าง สร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกันสู่สมดุล” (OpenConnectBalance.)” รุ่งโรจน์  รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าว

เอสซีจี เข้าพบนายกรัฐมนตรีเสาธารณรัฐกาหลี (ภาพ : SCG)

ในโอกาสเข้าพบ นายเหวียน ซวน ฟุก (Nguyen Xuan Phuc) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อหารือการลงทุนของเอสซีจี อาทิ โครงการลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ (Long Son Petrochemicals – LSP) ที่มีการดำเนินงานอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมระดับโลก โดยจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงต้นปี 2566 ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามอย่างยั่งยืน

ในการเข้าพบ นายเฟอร์ดินานด์ โรมูอัลเดซ มาร์กอส จูเนียร์ (Ferdinand R. Marcos Jr.) ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เพื่อหารือถึงการดำเนินงานที่เอสซีจีได้เข้าไปลงทุนแล้ว ตลอดจนแผนการขยายโครงการลงทุนในอนาคตเพื่อเสริมสร้างโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ 

และในการเข้าพบ นายฮัน ด็อกซู  (Han Ducksoo) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงด้านนวัตกรรม โดยได้เจรจาเกี่ยวกับโอกาสการเข้าไปลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยี ดิจิทัล นวัตกรรมด้านพลังงาน อาทิ โซลูชันพลังงานสะอาด พลังงานแสงอาทิตย์ นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการภาคธุรกิจ

การประชุม  APEC 2022 ประเทศไทย นอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของเขตเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกให้แนบแน่นยิ่งขึ้นแล้ว ยังเกิดความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคส่วนอื่นๆ นำมาซึ่งการจ้างงาน สร้างรายได้ ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของโลกหลังวิกฤตโควิด19 เนื่องจากเขตเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกมีประชากรรวมกว่า 2,900 ล้านคน หรือประมาณ ใน ของโลก และมีผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) รวมกันกว่า 53 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,700 ล้านล้านบาท เกินครึ่งของ GDP โลก และมีมูลค่าการค้ารวมกันเกือบครึ่งหนึ่งของการค้าโลกผู้บริหารระดับสูงเอสซีจีเปิดเผยวันนี้ (24 พ.ย. 2565)

เอสซีจีเข้าพบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์(ภาพ : SCG)