พบพะยูนเกยตื้นตายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม อ.สิเกา ตรัง กรมทะเลฯ ส่งทีมสัตวแพทย์ชันสูตรสรุป “ตายจากสาเหตุธรรมชาติ” คาดพยาธิเป็นเหตุ แม้จะพบขยะประมงจำนวนหนึ่งในท้องซากพะยูน
อธิบดีป้ายแดง ทช. ไฟแรง สั่งเข้มงวด “คุ้มครองพะยูน–สัตว์ทะเลหายาก” ดึงปช. ร่วมผ่านสายด่วน 1362

พบพะยูนเกยตื้นตาย หาดเจ้าไหม
“ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ว่าพบซากพะยูนเกยตื้น ณ บริเวณสะพานท่าเรือควนตุ้งกู ต.บางสัก อ.กันตัง จ.ตรัง ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม
ทางเจ้าหน้าที่ ศวอล.ได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ในการช่วยขนย้ายซากพะยูนมายังศูนย์วิจัยฯ เพื่อทำการชันสูตรหาสาเหตุการตาย ด้านเจ้าหน้าที่ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (ศวอล.) และ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวอบ.) จึงเข้าทำการตรวจสอบซากพะยูนตัวดังกล่าวอย่างเร่งด่วน” รายงานจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยวันนี้ (10 ตุลาคม 2565)



ผลชันสูตร “พบขยะประมง-พยาธิในท้อง”
“พบว่าพะยูนมีความยาวลำตัวโดยวัดแนบยาว 2.5 เมตร เพศผู้ อยู่ในช่วงโตเต็มวัย เขี้ยวอยู่ครบทั้งสองข้าง ความสมบูรณ์ของร่างกายค่อนข้างผอมเล็กน้อย
ลักษณะภายนอกพบรอยเขี้ยวจากพฤติกรรมฝูงทั่วลำตัว ไม่พบบาดแผลฉกรรจ์ สภาพซากเน่า ผิวหนังลอกหลุด และบวมอืด
เมื่อเปิดดูอวัยวะภายในพบว่า อวัยวะภายในส่วนใหญ่เน่าสลายไม่สามารถระบุรอยโรคได้ชัดเจน ส่วนของทางเดินอาหารพบอาหารจำพวกหญ้าทะเลภายในกระเพาะอาหารและลำไส้ พบพยาธิกลุ่มพยาธิตัวกลมจำนวนมากในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กพบพยาธิใบไม้ภายในกระพุ้งลำไส้ใหญ่
พร้อมกันนี้ยังพบขยะทะเลประเภทกิจกรรมทางการประมงและเดินเรือ ได้แก่ เศษเชือกกระสอบปุ๋ย เศษเชือกและเศษอวน ในทางเดินอาหารส่วนลำไส้ใหญ่ แต่นั้นไม่ใช่สาเหตุการตาย” รายงานข่าว ทช. เปิดเผย

เบื้องต้นสรุป “ตายเพราะสาเหตุธรรมชาติ”
“ทีมสัตวแพทย์ได้สรุปสาเหตุการตายโดยคาดว่าเกิดจากพะยูนป่วยตามธรรมชาติ เนื่องจากพบพยาธิซึ่งเป็นปรสิตภายในทางเดินอาหารจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของพะยูน ทำให้พะยูนผอม สภาพร่างกายอ่อนแอลงและตายในที่สุด” รายงานข่าวระบุ

สั่งเข้มงวด “คุ้มครองพะยูน–สัตว์ทะเลหายาก”
ดึงปช. ร่วมผ่านสายด่วน 1362
“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบนโยบายสำคัญอย่างการเข้มงวดในมาตรการคุ้มครองป้องกันภัยคุกคามสัตว์ทะเลหายาก ด้วยการดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หากประชาชนพบการลักลอบทำลายทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่ง และป่าชายเลน รวมถึงสัตว์ทะเลหายาก สามารถแจ้งมายังสายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล 1362
ตลอดจนมอบแนวทางในการปกป้องและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล สัตว์ป่า และสัตว์ทะเลหายากในประเทศไทย โดยเฉพาะพะยูน ซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์สงวนที่ใกล้จะสูญพันธุ์
พร้อมทั้งกำชับให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานในการจัดทำแผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติให้สำเร็จ โดยเน้นเป้าหมายการเพิ่มจำนวนประชากรของพะยูน และดูแลพื้นที่อาศัยของพะยูน รวมทั้งแหล่งหญ้าทะเลพะยูน เพื่อส่งต่อให้ถึงมือคนรุ่นหลังได้อย่างสมบูรณ์และยั่งยืนที่สุด
ผมจึงได้กำชับให้หน่วยงานในพื้นที่เร่งหารือกับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะหน่วยงานจังหวัดและท้องถิ่น เพื่อร่วมกันถอดบทเรียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ พร้อมกับเพิ่มมาตรการในการปกป้อง คุ้มครอง และดูแลสัตว์ทะเลหายากทุกชนิดให้เข้มข้นมากขึ้น เพื่อลดปัญหาการเกยตื้นตลอดจนแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกตกค้างในทะเล รวมถึงขยะจากเครื่องมือประมงที่เป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียสัตว์ทะเลหายากหลายชนิด
ผ่านการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และเข้าใจผ่านสื่อต่างๆ ตลอดจนจัดกิจกรรมให้ความรู้และเสริมสร้างแนวทางในการช่วยเหลือหรือปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้แก่สัตว์ทะเลหายากเกยตื้นทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตให้แก่เครือข่ายภาคประชาชน
รวมถึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน ประมงชายฝั่ง ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว และภาคประชาชน ให้ระมัดระวังในขณะทำกิจกรรมทางทะเล ไม่ทิ้งขยะลงในแม่น้ำ ลำคลอง หรือท้องทะเล
นอกจากนี้ยังฝากให้หน่วยงานในแต่ละพื้นที่ดำเนินการจัดกิจกรรม CSR ดำน้ำเก็บขยะทะเลเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยการดึงเอาหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนเครือข่ายเยาวชนและประชาชนทั่วไป เข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อสร้างจิตสำนึกให้รักและหวงแหนในสิ่งแวดล้อม พร้อมที่จะเป็นกระบอกเสียงที่สามารถสื่อสารออกไปให้สังคมได้เห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรทางทะเลที่เป็นสมบัติของทุกคนในประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ พะยูนก็เหมือนคนเรา หากเห็นที่ไหนปลอดภัย สวยงาม น่าอยู่ ก็อยากจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น การปล่อยธรรมชาติที่มีแหล่งหญ้าทะเลที่สมบูรณ์ถือเป็นวิถีที่ดีที่สุด และทุกคนต้องหันมาช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น ลดการใช้และทิ้งขยะพลาสติก เครื่องมือทำการประมงลงไปในระบบนิเวศทางทะเล ซึ่งหากพบเจอพะยูนหรือสัตว์ทะเลหายากทุกชนิดเกยตื้นที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ทุกคนแจ้งเบาะแสมายังกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือ 1362 สายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่ให้เข้าทำการช่วยเหลือได้ทันท่วงทีต่อไป ” อรรถพล เจริญชันษา อธิบดี ทช. กล่าว

สถานการณ์พะยูน หาดเจ้าไหม
“จากการสำรวจล่าสุดในปี 2562 ที่ผ่านมา ประเทศไทยพบประชากรพะยูนในพื้นที่จังหวัดตรัง 185 ตัว จากจำนวนประชากรพะยูนทั้งประเทศ 261 ตัว
อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พบพะยูนฝูงใหญ่ออกหากิน 30 ตัว และสัตว์ทะเลหายากชนิดอื่นๆ บริเวณแหลมจูโหย เกาะลิบง จ.ตรัง
เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 3 จังหวัดตรัง ร่วมกับ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ได้สำรวจติดตามประเมินสถานภาพพะยูนและสัตว์ทะเลหายาก ด้วยการเฝ้าสังเกตทางเรือและการบินอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) สำรวจ ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม และพื้นที่เชื่อมโยงบริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ประกอบด้วย หาดยาว แหล่งหญ้าทะเลหาดมดตะนอย และแหลมจูโหย เกาะลิบง ในเบื้องต้นบริเวณแหลมจูโหย เกาะลิบง
พบฝูงพะยูน 30 ตัว และเต่าทะเล 2 ตัว // บริเวณหาดมดตะนอย พบพะยูน 1 ตัว และเต่าทะเล 2 ตัว // บริเวณหาดยาวพบโลมา 2 ตัว ซึ่งพะยูนที่พบบริเวณแหลมจูโหยมีพฤติกรรมรวมฝูงออกหากินหญ้าทะเล ขณะที่พะยูนที่พบบริเวณหาดมดตะนอยออกหากินตามลำพัง ส่วนเต่าทะเลและโลมามีพฤติกรรมว่ายน้ำและโผล่ขึ้นมาหายใจเป็นระยะๆ” สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยรายงานในเดือนเม.ย. 2563
“โอกาสที่จะเห็นพะยูนขึ้นมากินหญ้าในทะเลในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา จะได้เห็นกันบ่อย ๆ มากขึ้นกว่าเดิม จากเดิมที่สามารถพบเห็นพะยูน ในพื้นที่ได้ เพราะอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมมีความหลากหลายทางระบบนิเวศ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยหญ้าทะเลหลายชนิด ที่เป็นแหล่งอาหารของพะยูน ซึ่งอยู่บริเวณหน้าที่ทำการอุทยานฯ และท่าเทียบเรือปากเมง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งหญ้าทะเลที่สมบูรณ์ และพะยูนในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ที่จะเป็นแหล่งทำโครงการงานวิจัยทั้งเรื่องหญ้าทะเล และแหล่งที่อยู่พะยูน
พะยูนในอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมมีประมาณ 100 กว่าตัว ตั้งแต่อายุในวัยผสมพันธุ์ ระหว่างประมาณ 2-3 ปี บางครั้งพบเห็นเป็นครอบครัว พ่อ แม่ ลูก มากินหญ้าทะเล ซึ่งการที่ท้องทะเลมีการฟื้นตัวและมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ ทำให้เราได้เห็นภาพพะยูนออกมากินอาหารแบบนี้โอกาสที่จะเห็นพะยูนขึ้นมากินหญ้าในทะเลในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา จะได้เห็นกันบ่อย ๆ มากขึ้นกว่าเดิม” พริษฐ์ นราสฤษฏ์กุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ให้สัมภาษณ์ “เพจอีจัน” เมื่อ 25 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา

