“หยุดดันนิคมฯจะนะผ่าน ศอ.บต.-ต้องรอผล SEA เท่านั้น” เครือข่ายจะนะแถลง

เครือข่ายจะนะร้กษ์ถิ่นเปิดแถลงตอบโต้มติคณะรัฐมนตรี 21 มิ.ย.2565 กรณี “นิคมอุตสาหกรรมจะนะ” ชี้เป็นการแอบ “กลับลำ-ละเมิด” ข้อตกลงล่าสุดระหว่างเครือข่ายฯ-รัฐบาลตามมติครม 14 ธ.ค. ขู่หากยังดันต่อ พร้อมบุกทำเนียบ

(ภาพ : เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น)

แถลงที่หาดสวนกง

“ไม่ยอมรับมติคณะรัฐมนตรี 21 มิถุนายน 2565 และต้องกลับไปทำตามมติ 14 ธันวาคม 2564” เครือข่ายแถลงวันนี้ (2 ก.ค.2565) ณ ชายหาดบ้านสวนกง ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา ภายใต้ชื่อทางการ “แถลงการณ์เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น เรื่องไม่ยอมรับมติ ครม. 21 มิถุนายน 2565 และต้องตามมติ 14 ธันวาคม 2564 ในกรณีการแก้ไขปัญหาโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ” 

“รัฐบาลตระบัดสัตย์ ผลิกลิ้น จากการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 ซึ่งมีเนื้อหาสวนทางกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 ต่อกรณีการแก้ไขปัญหาโครงการเมืองต้นแบบที่ 4 (นิคมอุตสาหกรรมจะนะ)” เครือข่ายฯ ระบุ

(ภาพ : เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น)

3 ประเด็น “กลับลำ” 

“มติเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565มีเนื้อความสำคัญว่า “ให้หน่วยงานรัฐและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องชะลอการดำเนินการในโครงการเมืองต้นแบบที่ 4 (นิคมอุตสาหกรรมจะนะ) ไว้ก่อน โดยให้รอผลการประเมินสิ่งแวดล้อมในเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assesssment : SEA.) ให้เป็นที่ยุติก่อนการดำเนินการใดๆต่อไป 

ทั้งนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นหน่วยงานหลักที่จัดให้มีการศึกษา SEA. โดยให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ

หากในมติ ครม. 21 มิถุนายน 2565 กลับสวนทางในหลักการสำคัญกับมติดังกล่าว โดยระบุว่า “ให้ศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และสภาพัฒนาเศรษฐกิขและสังคมแห่งชาติประสานคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง(กรณีโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ) เพื่อดำเนินการให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย 

และโครงการใดที่ต้องชะลอจากมติ ครม. 14 ธันวาคม 2564 ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้พร้อมไปกับการศึกษา SEA. 

ทั้งนี้ให้นำ “การทำประชามติ” มาเป็นแนวทางหลักเพื่อการตัดสินใจต่อไป” เครือข่ายระบุในแถลงการณ์

“เป็นการ ‘เล่นแร่ แปรทาส’ และชี้ให้เห็นถึงความผิดเพี้ยน

  1. มติ ครม. เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2564 ไม่มี ศอ.บต. มาทำงานร่วมกับสภาพัฒน์ฯ เพราะที่ผ่านมา ศอ.บต. เป็นคู่ขัดแย้งกับชาวบ้านในพื้นที่มาตลอด และไร้ความชอบธรรมที่จะเข้ามาร่วมในกระบวรการทำ SEA.
  2. โครงการที่ต้องชะลอตามเจตนาของมติ ครม. เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2564 ที่ได้เสนอไปคือ โครงการการเปลี่ยนสีผังเมือง และโครงการจัดทำ EIA. 4 ฉบับของบริษัท TPIPP.  และรวมถึงโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับนิคมอุตสาหกรรมจะนะนั้น จะต้องรอผลการทำ SEA. ก่อน แต่มติ ครม. วันที่ 21 มิ.ย. 2565 กลับเปิดช่อง เพื่อให้กลุ่มทุนสามารถดำเนินการไปพร้อมกันได้ 
  3. ‘การทำประชามติ’ ตามมติ ครม. 21 มิ.ย. 2565 มาจากไหน ใครเสนอ แล้วทำไมต้องเป็นแนวทางหลัก ถามว่ารัฐบาลเข้าใจหลักการทำ SEA. หรือไม่ เพราะเครื่องมือนี้จะทำหน้าที่ตัดสินใจว่าโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะควรไปต่อหรือไม่ โดยการใช้หลักวิชาการมาทำหน้าที่ ซึ่งมีกลไกรัฐ คือสภาพัฒน์ฯ เป็นหน่วยงานหลักที่กำกับเรื่องนี้ด้วยแล้ว

รัฐบาลไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง ซึ่งรวมถึงความผิดพลาดของ ศอ.บต. ที่ไม่ดำเนินการตามมติ ครม. อย่างเข้าใจตั้งแต่เริ่มต้น โดยเฉพาะการทำงานที่ไม่ประสานงานกับสภาพัฒน์ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ตามที่ ครม. มอบหมายไว้ อันถือเป็นการดำเนินงานโดยภาระการ และที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือ ศอ.บต. ทำตัวเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง จนทำให้ประชาชนในพื้นที่มีความไม่เข้าใจและกลายเป็นความแตกแยกภายในที่ร้าวลึกมากขึ้น” สมบูรณ์ คำแหง ที่ปรึกษาเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นกล่าว

(ภาพ : เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น)

ชี้ส่อเจตนา ดันโครงการฯ เอื้อกลุ่มทุน

“การปรับเปลี่ยนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว คือการตระบัดสัตย์ของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชาครั้งสำคัญ อันเป็นเจตนาแขวงที่ต้องการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนโดยเฉพาะ โดยไม่เห็นถึงสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่

ทั้งเป็นที่ประจักษ์ว่าโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะมีความผิดปกติในการดำเนินโครงการตั้งแต่เริ่มต้นหลายประการจนกลายเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยมา” เครือข่ายกล่าว

“การตระบัดสัตย์ด้วยการกลับลำมติ ครม. 21 มิ.ย. 2565 ของรัฐบาล คือความไม่เข้าใจสถานการณ์ปัญหา หากแต่คำนึงถึงประโยชน์ทางการเมืองและผลประโยชน์ของกลุ่มทุนเป็นที่ตั้ง ยิ่งสะท้อนถึงความไร้ประสิทธิภาพ และความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น และสิ่งนี้จะกลายเป็นน้ำผึ้งอีกหยดที่จะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น และเชื่อว่าจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่ไม่ใช่เพียงแค่กลุ่มจะนะรักษ์ถิ่นเท่านั้น” สมบูรณ์กล่าว

(ภาพ : เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น)

ยัน “มติเดิม 14 ธ.ค.2564 เท่านั้น” – พร้อมบุกกรุงอีกครั้ง

“ข้อเสนอของเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 คือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เพื่อให้ทุกฝ่ายถอยกันคนละก้าว แล้วมาใช้กระบวนการทางวิชาการด้วยการจัดทำ SEA. ที่อยู่ภายใต้การกำกับของสภาพัฒน์ฯ โดยต้องไม่นำคู่ขัดแย้งอย่าง ศอ.บต. มาเป็นผู้ร่วมดำเนินการ และต้องหยุดโครงการเปลี่ยนสีผังเมือง โครงการจัดทำ EIA. และโครงการที่เกี่ยวข้องกับนิคมอุตสาหกรรมจะนะเอาไว้จนกว่าจะมีการศึกษาแล้วเสร็จ เพราะเหตุผลทางวิชาการเป็นทางออกต่อเรื่องนี้บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงทั้งหมด 

เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นมีความเห็นว่า มติ ครม. เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 คือสะท้อนภาพของความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้อย่างเห็นได้ชัด คือพร้อมที่จะ “ตระบัดสัตย์” เพื่อทำลายหลักการบริหารราชการแผ่นดินด้วยการกลับกรอกไปมา เพื่อแลกกับผลประโยชน์เฉพาะหน้าจากคนบางกลุ่มเท่านั้น เราจึงไม่ยอมรับมติดังกล่าว

และขอเรียกร้องให้รัฐบาลกลับไปใช้มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 เพื่อให้การแก้ไขปัญหาโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะดำเนินไปบนหลักการทางวิชาการอย่างแท้จริงต่อไป  มิเช่นนั้นแล้วพวกเราจะออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้มีการ “ยุติ” โครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะจนถึงที่สุด” เครือข่ายแถลง

“ข้อเสนอของเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2564 คือทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้ทุกฝ่ายถอยหลังแล้วมาใช้กระบวนการทางวิชาการ ด้วยการจัดทำ SEA. ภายใต้การกำกับของสภาพัฒน์ฯ ที่ต้องไม่นำคู่ขัดแย้ง (ศอ.บต.) มาเป็นฝ่ายดำเนินการ ซึ่งถือเป็นหลักการสำคัญ และต้องทำให้กลไกการศึกษานี้ดำเนินไปอย่างถูกต้องชอบธรรม เป็นอิสระ ปลอดจากการถูกแทรกแซงทางการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์อื่นใด” สมบูรณ์ กล่าวย้ำ