แผนพัฒนาพลังงานเวียดนามฉบับล่าสุดเผย สัดส่วนการใช้ถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้าจะลง จาก 29.3% ในปี 2568 ให้เหลือ 9.6% ภายใน 20 ปี (2588) ขณะที่พลังงานหมุนเวียน (ลม-โซล่าร์เซลล์) จะเพิ่มสัดส่วนจาก 23.7% เป็น 59.5%
ทั้งนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 ของเวียดนาม และแผนฯ จะเสนอรัฐบาลอนุมัติภายในสิ้นเดือนนี้

เป้าแผนพลังงานฉบับใหม่
VnExpress รายงานเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เวียดนามจะลดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลง 2 ใน 3 ส่วน ระหว่างปี 2568-2588 และเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนในระบบให้มากกว่า 50%
หน่วยงานเกี่ยวข้องได้แสดงความตกลงกับแผนพัฒนาพลังงานประเทศ ฉบับที่ 8 (Power Power Development Plan 8) ของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ซึ่งเป็นฉบับล่าสุดที่ได้เผยแพร่เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา และกระทรวงจะต้องสรุปร่างสุดท้ายและเสนอต่อรัฐบาลภายในสิ้นเดือนนี้ (เมษายน) จากการเปิดเผยของรองนายกรัฐมนตรี เลวัน ฐาน (Le Van Thanh)
โดยแผนรวมถึงเป้าหมายที่จะลดสัดส่วนการใช้ถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้าลง จาก 29.3% ในปี 2568 ให้เหลือ 9.6% ในปี 2588 (20 ปี) ซึ่งคาดว่าความต้องการไฟฟ้าจะอยู่ที่ 401,556 เมกะวัตต์จากทุกแหล่งพลังงาน ซึ่งหมายถึงโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กำลังก่อสร้างจะดำเนินการต่อจนเสร็จ แต่จะไม่มีการอนุม้ติโครงการใหม่
โรงไฟฟ้าพลังน้ำจะลดสัดส่วนลงจาก 27.2% ในปี 2568 เหลือ 9% ในปี 2588 พลังงานหมุนเวียน รวมถึงพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ จะเพิ่มสัดส่วนจาก 23.7% เป็น 59.5% ในช่วงเดียวกัน
โครงการในทะเลที่ยังไม่มีในแผนปี 2568 (0%) กำหนดจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 17% ในปี 2588 และฟาร์มโซลาร์เซลล์จะเพิ่มสัดส่วนสองเท่า จาก 8.9% เป็น 19.4%

เล็งพลังงานไฮโดรเจน ทดแทน LNG – ลดนำเข้าพลังงาน
กระทรวงอุตสาหกรรมเวียดนามยังมีแผนที่จะค่อย ๆ เปลี่ยนโครงการพลังงานจากก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นโครงการพลังงานไฮโดรเจนในช่วง 20 ปีดังกล่าว โดยจะเริ่มจากการทดแทนการผลิตพลังงานจาก LNG เป็นจากพลังงานไฮไดรเจน 20% ในช่วง 10 ปีแรก
แผนพัฒนาพลังงานฯ ล่าสุดยังตั้งเป้าที่จะลดการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งถ่านหินให้มากที่สุด เพื่อที่จะให้เวียดนามทำตามพันธกรณีที่จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 จากการระบุของกระทรวงอุตสาหกรรมที่แจ้งต่อรัฐบาลในรายงาน
การปล่อยคาร์บอนที่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 175 ล้านตันในปี 2568 จะถูกลดให้เหลือ 42 ล้านตันในปี 2593 นอกจากนี้แผนฯ จะเพิ่มระดับการพึ่งพาพลังงานภายในประเทศและลดการนำเข้าพลังงาน กระทรวงระบุ
โดยตัวเลขการนำเข้าพลังงานจะลดสัดส่วนลง จาก 4.5% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศในปี 2568 เป็น 2.8% ในปี 2588
กระทรวงอุตสาหกรรมประมาณการณ์ว่า จะมีการลงทุนราว 141,600 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการผลิตไฟฟ้าตามแผนดังกล่าว ซึ่งรวมถึงสัดส่วนการลงทุนสำหรับระบบสายส่งราว 10% ที่มีเป้าหมายที่จะเพิ่มระบบสายสส่งจากภาคกลางและภาคใต้สู่ภาคเหนือมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ปี 2573 เป็นต้นไป
