ทิศพลังงานโลก 65 : ความต้องการเพิ่ม 2.2% – COP26 จะส่งผลจริงจัง

EIU เปิดตัวรายงาน “Energy in 2022″ วิเคราะห์ 3 ทิศพลังงานโลกปี 2565 พร้อม 3 แนวโน้มพลังงานเอเชีย ระบุความต้องการพลังงานโลกจะเพิ่มราว 2.2 % ผลจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกหลังวิกฤตโควิด ชี้ COP26 จะส่งผลให้เกิดกฏระเบียบใหม่ด้านพลังงาน ที่จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจพลังงานทั้งระบบ โดยเฉพาะธุรกิจถ่านหิน-ฟอสซิล

ด้าน 3 แนวโน้มสำคัญพลังงานเอเชียรวมถึง เป้าการลดคาร์บอนจะดันให้เกิดกฏระเบียบด้านพลังงานใหม่ คำมั่นสัญญาเรื่องการเงินสีเขียว (Green Financing) จะเป็นปัจจัยคุกคามธุรกิจฟอสซิล และอินเดียจะไม่บรรลุเป้าด้านพลังงานหมุนเวียน

 

3 ทิศพลังงานโลก

วันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา Economist Intelligence Unit (EIU) ได้เปิดตัวรายงาน “Energy in 2022” เผยผลวิเคราะห์ 3 ทิศทางพลังงานโลกปี 2565 ดังนี้

“ความต้องการพลังงานจะเพิ่ม 2.2 % ผลจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด อันจะส่งผลดีต่อธุรกิจพลังงานทุกประเภทยกเว้นนิวเคลียร์ 

ราคาพลังงานจะนิ่งขึ้นกว่าปีนี้ เหตุจากการกลับมาของอุปสงค์ (Demand) ขณะที่ภาวะคอขวดของอุปทาน (Supply) ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการผลิตไฟฟ้า

บริษัทพลังงานจำนวนมากจะมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องทบทวนยุทธศาสตร์ ปี 2565 ด้วยรัฐบาลและนักลงทุนต้องเผชิญกับโจทย์ใหญ่ การลดการปล่อยคาร์บอน” EIU เปิดเผยในข่าวประชาสัมพันธ์สำหรับสื่อมวลชน

“ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน อย่างน้อยมากกว่าราคาในหลายปีก่อนเกิดการระบาดโควิด แต่หลายบริษัทพลังงานจะจำเป็นต้องดดำเนินการเร่งด่วนที่จะทบทวนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในปี 2565 นี้ ด้วยรัฐบาลมีพันธกิจที่จะต้องทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับที่ประชุมเจรจาโลกร้อน COP26 บริษัทถ่านหินอาจจะประสบภาวะการหาการสนับสนุนด้านการเงินที่ยากเป็นพิเศษ” อนา นิโดลีส (Ana Nicholls) ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการอุตสาหกรรม EIU กล่าว

3 แนวโน้มสำคัญ “พลังงานเอเชีย”

รายงาน EIU ยังได้กล่าวถึง 3 แนวโน้มสำคัญของเอเชียที่ควรจับตาในปี 2565 ว่าประกอบด้วยแนวโน้มเรื่อง กฎระเบียบพลังงาน การเงินสีเขียว และพลังงานหมุนเวียนในอินเดีย รายละเอียดดังนี้

  1. เป้าการลดคาร์บอนจะดันให้เกิดกฏระเบียบด้านพลังงานใหม่

“หลังจาก 23 ประเทศลงนามใน COP26 รวมถึงโปแลนด์และอินโดนีเซีย ที่จะเดินสู่การปลดระวางถ่านหินในทศวรรษ 2030 (ประเทศพัฒนาแล้ว) และทศวรรษ 2040 (ประเทศกำลังพัฒนา) 

จีนซึ่งอยู่ในภาวะนั่งไม่ติดที่จากความล้มเหลวที่ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในเวที COP26 จะเดินหน้าทิศการควบคุมควบคู่ (Dual-Control) เพื่อควบคุมความต้องการพลังงานและจำกัดความเข้มข้นของการใช้พลังงาน 

กฏระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งยาวนานต่อภาคพลังงานโลก ทำให้บริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหลายอยู่ใต้ภาวะกดดันในปี 2565” EIU กล่าว

  1. คำมั่นสัญญาเรื่องการเงินสีเขียว (Green Financing) จะเป็นปัจจัยคุกคามธุรกิจฟอสซิล

“ขณะที่เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนและประหยัดพลังงานจะดึงดูดกระแสการเงินสีเขียว เป้าการลดคาร์บอนจะดันให้เกิดการถอนการลงทุนด้วย 

COP26 ได้ผลิตคำมั่นสัญญาที่ไม่ผูกมัดระหว่างกว่า 20 ประเทศที่ลงนามหยุดการสนับสนุนโครงการลงทุนด้านเชื้อเพลิงฟอสซิลภายในสิ้นปี 2022 

ประเทศอาเซียนส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะลงนามคำประกาศ แต่จีนได้ลงนามคำประกาศต่างหากที่จะหยุดการลงทุนโครงการถ่านหินในต่างแดน

ทั้งสถาบันการเงินภาครัฐและภาคเอกชนจะระมัดระวังในการอนุมัติสัญญาหรือโครงการใหม่ ๆ และส่วนหนึ่งอาจตัดสินใจยกเลิกโครงการที่เคยวางแผนไว้” EIU กล่าว

  1. อินเดียจะไม่บรรลุเป้าด้านพลังงานหมุนเวียน

“หนึ่งในความสำเร็จโดดเด่นของ COP26 คือการสามารถทำให้อินเดียตั้งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ได้ แม้เป้าที่ได้จะนานถึงปี 2070 นานกว่าอย่างมีนัยสำคัญมากจากที่หลายฝ่ายคาดหวัง มีความกังขาเล็ก ๆ ว่าการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของอินเดียจะยาก ตรงข้ามกับการทุ่มเทของภาครัฐและผลประโยชน์ของนักลงทุน 

อินเดียมีแนวโน้มที่จะไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2015 ที่ระบุว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ไม่รวมเขื่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 175 กิกะวัตต์ ในปี 2022 คาดว่าอินเดียจะบรรลุแค่ 112 กิกะวัตต์ในความเป็นจริง” EIU กล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์สสำหรับสื่อมวลชน

EIU อธิบายเพิ่มเติมว่า รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ที่จะวิเคราะห์การเติบโตของ 7 ภาคสำคัญเศรษฐกิจโลก คือ ยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค พลังงาน บริการการเงิน เภสัชกรรมและสุขภาพ เทเลคอมและเทคโนโลยี และท่องเที่ยว

EIU เป็นส่วนวิจัยและวิเคราะห์ของ The Economist Group เครือธุรกิจสื่อยักษ์อังกฤษ ที่มีสำนักงานใหญ่ในลอนดอน ให้บริการคาดการณ์และให้คำปรึกษาผ่านการวิจัยและงานวิเคราะห์หลากหลาย อาทิ รายงานประเทศรายเดือน การคาดการเศรษฐกิจประเทศ 5 ปี รายงานความเสี่ยงประเทศ และรายงานอุตสาหกรรม เป็นต้น มีสำนักงาน 2 แห่งในจีนและอีกแห่งในฮ่องกง

รายละเอียดเพิ่มเติม Energy report