‘ไบเดน’ พาอเมริกาโกกรีน ลงทุน 2 ล้านล้าน ลดก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2050

นักวิเคราะห์ชี้ พันธกิจปกป้องสิ่งแวดล้อมโลกและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (climate change) สดใสขึ้น ภายหลัง โจเซฟ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ นำสหรัฐฯ กลับเข้าสู่ข้อตกลงปารีส พร้อมทุ่มงบกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ยกเครื่องทั้งระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนผ่านสู่สังคมปลอดคาร์บอน

ภายหลังชัยชนะของ โจเซฟ ไบเดน ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์ อนุสรณ์ ธรรมใจ กล่าวว่า จากผลพวงจากนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เข้มแข็งของประธานาธิบดี ไบเดน ส่งผลดีต่อภารกิจลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด เพื่อควบคุมสภาวะโลกร้อน เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมโลกโดยรวม แม้ว่าอาเซียนอาจเจอผลข้างเคียงนโยบายเศรษฐกิจยุคไบเดน กลายเป็นฮับใหม่อุตสาหกรรมหนักและเชื้อเพลิงฟอสซิล

ไบเดน
โจเซฟ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนล่าสุด

“สหรัฐอเมริกาน่าจะไม่ลดความช่วยเหลือทางการทหาร ทางเศรษฐกิจ ทางการศึกษาวิจัย เพราะไม่ต้องการลดบทบาทตัวเองในฐานะผู้นำโลก ต่างจากนโยบายของ โดนัล ทรัมป์ ที่เน้น American First จึงตัดความช่วยเหลือด้านต่างๆ ต่อพันธมิตรและองค์กรระหว่างประเทศเกือบทั้งหมด” อนุสรณ์ วิเคราะห์

“ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี ไบเดน น่าจะกลับเข้าสู่ข้อตกลงปารีสว่าด้วยบรรยากาศโลกและปัญหาภาวะโลกร้อน (Paris Climate Agreement) อีกครั้งหนึ่ง หลังจากถอนตัวอย่างเป็นทางการในสมัยรัฐบาลทรัมป์” อนุสรณ์ กล่าว

แม้ว่าประธานาธิบดี ไบเดน ได้กล่าวย้ำอย่างชัดเจนในระหว่างการหาเสียงว่า เขาจะนำประเทศสหรัฐฯ กลับเข้าสู่ข้อตกลงปารีสโดยเร็วที่สุด เขาชี้ว่า การกลับเข้าสู่ข้อตกลงปารีสของสหรัฐฯ อาจไม่เกิดขึ้นโดยง่าย เนื่องจากพรรครีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา และอาจขัดขวางการผลักดันมาตรการปกป้องสิ่งแวดล้อมและแก้ปัญหาโลกร้อนของรัฐบาลพรรคเดโมแครต

“การแก้ปัญหาชั้นบรรยากาศโลก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อนจะยากขึ้นหากสหรัฐฯไม่เข้าร่วม เพราะสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 15% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก หากสหรัฐฯกลับเข้ามาร่วม Paris Climate Agreement ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ประเทศรัสเซีย จีน และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ลดการลงทุนและการผลิตพลังงานฟอสซิล ที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและภาวะโลกร้อนลง” เขากล่าว

“ผมมีความเห็นว่า การเปลี่ยนผ่านจาก “พลังงานฟอสซิล” สู่ “พลังงานหมุนเวียนพลังงานสะอาด” เป็นสิ่งที่จะช่วยหยุดความแปรปรวนของภูมิอากาศ ลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตจากมลพิษทางอากาศและภาวะโลกร้อนได้”

อย่างไรก็ตาม อนุสรณ์ ชี้ว่า แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะกลับเข้าร่วมข้อตกลงปารีสหรือไม่ กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและธุรกิจรักษ์โลกจำนวนไม่น้อยได้ร่วมกันก่อตั้ง American’s Pledge นำโดย เจอร์รี บราวน์ อดีตผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย และ ไมเคิล บลูมเบิร์ก นักธุรกิจและอดีตนายกเทศมนตรีมหานครนิวยอร์ก โดยมีการตั้งเป้าหมายจะลดมลพิษทางอากาศลง 19% ในปี ค.ศ. 2025

อย่างไรก็ตาม เขาคาดว่า ผลพวงจากนโยบายด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดี ไบเดน เงินทุนของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเชื้อเพลิงฟอสซิลและก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจเหล็กและอะลูมิเนียม อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ อาจเคลื่อนย้ายมายังภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น เหตุจากการปรับลดกำแพงภาษี

ขณะเดียวกัน เขากล่าวว่า การขยายตัวของธุรกิจอุตสาหกรรมทางด้านพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือก ที่เติบโตขึ้นพร้อมกับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจอุตสาหกรรมรถยนต์แบบใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine) ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล พลวัตดังกล่าวตอกย้ำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยต้องเร่งปรับตัวโดยด่วนและต้องลงทุนเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

“จากความเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายเศรษฐกิจ การค้า และสิ่งแวดล้อมโลก ภายหลังการผลัดเปลี่ยนตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทางการไทยควรให้ความสำคัญเรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิแรงงาน ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม และการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญามากขึ้น เพราะเชื่อว่า ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่พรรคแดโมแครตเป็นรัฐบาลและมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทน รัฐบาลสหรัฐฯจะดำเนินการเชิงรุกในการนำเอาประเด็นเหล่านี้เข้ามาอยู่ในการเจรจาทางการค้าและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ” อนุสรณ์ เสนอ

อนึ่ง นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมหลักของรัฐบาลไบเดน ประกอบด้วย

  • ประกาศนโยบายลดการปลดปล่อยคาร์บอนจากภาคพลังงานเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ.2035 และลดการการปลดปล่อยคาร์บอนทั้งหมด ภายในปี ค.ศ.2050
  • จัดสรรงบประมาณรวม 2 ล้านล้านดอนลาร์สหรัฐ (ราว 61 ล้านล้านบาท) สำหรับภารกิจอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และเสริมความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความเป็นธรรมทางสิ่งแวดล้อม
  • สร้างงาน 1 ล้านตำแหน่งในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และพลังงานสะอาด