ชุมชนดงมะไฟ 300 คน เดินหน้าเข้าพื้นที่เหมือง ทวงคืนภูผาฮวกคืน หลังใบอนุญาตเข้าใช้ประโยชน์เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฯ หมดอายุสัญญา ผู้นำจิตวิญญาณทำพิธีบวชป่าและเรียกขวัญผืนป่าที่หายไปเพราะกิจการเหมืองคืน เดินหน้าต่อสู้จนกว่าสัมปทานเหมืองจะจบสิ้น 24 กันยานี้
วันนี้ (4 กันยายน พ.ศ. 2563) กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได จังหวัดหนองบัวลำภู 300 คน นำโดย สอน คำแจ่ม ผู้สูญเสียคนสำคัญในครอบครัวจากต่อสู้คัดค้านการสร้างเหมือง รวมพลเดินหน้าเข้าเขตเหมืองแร่หินของบริษัทเอกชน หลังจากปักหลักชุมนุมด้านหน้าได้ 23 วัน ทวงคืนภูผาฮวกเนื้อที่ 175 ไร่ ปักป้ายหมู่บ้าน ‘ผาฮวกพัฒนา ชาวประสามัคคี’ ในเขตเหมือง สืบเนื่องจากวันก่อนหน้า (3 กันยายน) ใบอนุญาตเข้าใช้ประโยชน์เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเก่ากลอยและป่านากลางของกิจการเหมืองหมดอายุสัญญา

เวลา 10.00 น. วันที กองปาน ผู้นำจิตวิญญาณนำชุมชนดงมะไฟ ทำพิธีขอใช้สถานที่ก่อนเริ่มพิธีบวชป่า ตามความเชื่อของชุมชน โดยนำจีวรพระผูกรอบลำต้นไม้และก้อนหิน จำนวนประมาณ 100 เส้น เพื่อสร้างความศรัทธา ไม่ให้ใครทำลายป่าและเปลี่ยนเขตเหมืองแร่หินเป็นป่าชุมชน โดยชุมชนคาดหวังว่าพื้นที่แห่งนี้จะไม่มีการทำสัมปทานเหมืองอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามกิจกรรมทวงคืนภูผาฮวกในเขตเหมืองแร่หินนั้นเป็นการเรียกร้องถึงสิทธิชุมชนชาวตำบลดงมะไฟ โดย วิลัย อนุเวช กล่าวคำประกาศถึงความต้องการทวงคืนพื้นที่เหมืองแร่หิน เปรียบเสมือนสิทธิที่ดินอยู่อาศัย, สิทธิที่ดินเพื่อปลูกพืชผลผลิต เลี้ยงปศุสัตว์และ สิทธิที่ดินสาธารณะประโยชน์แหล่งอาหารที่สำคัญของชุมชน เช่น เห็ด หน่อไม้ สมุนไพร และสัตว์
“ขอให้ปิดเหมืองแร่หินและโรงโม่ เพื่อพัฒนาพื้นที่ผืนนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว การอนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้หมดอายุเมื่อวานนี้ และวันที่ 24 กันยายน ที่จะถึงนี้ ประทานบัตรจะหมดอายุ สิทธิโรงโม่หินก็จะหมดไปด้วย ขอให้หน่วยงานรัฐ หรือผู้ประกอบการ เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ วัสดุ ในการประกอบกิจการก่อนวันที่ 25 และไม่อนุญาตนายทุนคนใดประกอบกิจการในพื้นที่ภูผาเหล่าจันไดอีก” วิลัย กล่าว
ชาวชุมชนดงมะไฟเผยความว่าความฝันสูงสุดของชุมชน คือ การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาชุมชนเป็นแหล่งท่องเที่ยว แม้ที่ผ่านมาจะโดนกลั่นแกล้งฟ้องคดี ถูกทำร้ายร่างกายโดยตำรวจ และถูกคุกคามคำพูดให้เกิดความหวาดกลัวตลอดมา หลังจากพิธีบวชป่าได้ทำพิธีมงคลบายศรีสู่ขวัญ เชื่อว่าเป็นการเรียก “ขวัญผืนป่า” ให้กลับคืนมาหลังการทำสัมปทานสร้างแรงสั่นสะเทือน ทำให้สูญเสียขวัญผืนป่าไป
“โมเดลการพัฒนาตำบลดงมะไฟในฝัน หลังปิดเหมือง” ภาพฝันของเยาวชนและชาวบ้านตำบลดงมะไฟ

เวลา 13.10 น. เยาวชน ชาวบ้าน ปราชญ์ชุมชน และนักเคลื่อนไหว ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความหวังเกี่ยวกับพื้นที่ในวงเสวนา “ 26 ปี การต่อสู้ สู่การปิดเหมืองแร่หินฟื้นฟูภูผาป่าไม้”
มนีนุด อุทัยเรือง ตัวแทนคนรุ่นใหม่ชุมชนดงมะไฟ อธิบายว่า บ้านดงมะไฟเป็นพื้นที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยแหล่งอาหาร เช่น หน่อไม้ จึงต้องการรักษาผืนป่าแห่งนี้ไว้ นอกจากนั้นภูผาเหล่าจันได ยังเป็นพื้นที่มีทิวทัศน์สวยงาม เมื่ออากาศเย็นยามเช้าเห็นสายหมอกบางบนภูผา
ด้านเยาวชน ดนุเดช แสนสุข นักเรียนโรงเรียนบ้านนาไร่ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เปิดเผยว่าโดย ตลอดที่ผ่านมาพื้นที่เกษตรของครอบครัวได้รับผลกระทบจากเสียงการสั่นสะเทือนการประกอบกิจการเหมืองแร่หิน
“ผมอยากให้ชุมชนเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีที่พัก รีสอร์ท ร้านอาหาร สกายวอร์ค ร้านเช่าจักรยาน มีรถโดยสารรับส่งพื้นที่บ้านผาฮวก”
กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ยืนยังเดินหน้าต่อสู้ทวงคืนความยุติธรรมต่อไป เพราะแม้ว่าใบอนุญาตใช้พื้นที่ป่าฯ เพื่อประกอบกิจการเหมืองแร่จะหมดอายุลงแล้ว ทว่าต้องการเดินหน้าจนกว่าสัมปทานของโรงโม่หินจะหมดอายุในวันที่ 24 กันยายน นี้