สธ.เสนอแก้ พรบ.ยาเสพติดให้โทษ ปลดล็อคให้ประชาชนปลูกกัญชาใช้รักษาโรคและส่งออกได้

กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอแก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (4 สิงหาคม พ.ศ.2563) มุ่งเน้นขยายประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ ให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาโรคด้วยกัญชาอย่างทั่วถึง อนุญาตให้หมอพื้นบ้านปลูกกัญชาเพื่อปรุงยาให้ผู้ป่วย รวมถึงให้เกษตรกรร่วมกับผู้ผลิตยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร ปลูกกัญชา เพื่อผลิตและส่งออกยากัญชาได้

นพ.ไพศาล  ดั่นคุ้ม  เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาล โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายเร่งด่วนในการต่อยอดภูมิปัญญาและความรู้การใช้กัญชาทางการแพทย์ของปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อศึกษาวิจัยการใช้กัญชาทางการแพทย์ และสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปจากกัญชา อย่างไรก็ตามการดำเนินนโยบายตามเป้าหมายดังกล่าวยังติดขัดข้อกฎหมาย ทำให้ผู้ป่วยที่ต้องการรักษาโรคด้วยกัญชายังไม่สามารถเข้าถึงการรักษาอย่างทั่วถึง

กัญชา
ต้นกัญชาที่จัดแสดงในงานมหกรรม “พันธุ์บุรีรัมย์” เมื่อวันที่ 19-21 เมษายน พ.ศ.2562 / สำนักข่าวสิ่งแวดล้อม / ปรัชญ์ รุจิวนารมย์

“ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน หมอพื้นบ้านยังไม่สามารถปลูกกัญชาเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยของตน ส่งผลให้การรักษาด้วยภูมิปัญญาไทยไม่ได้รับการต่อยอดและพัฒนาเท่าที่ควร เป็นข้อจำกัดต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยาไทยสู่ระดับโลก” นพ.ไพศาล กล่าว

“ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข จะเสนอ“ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่…) พ.ศ. …” เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่จะถึงนี้ (4 สิงหาคม 2563) เพื่อผลักดันการใช้พืชกัญชาทางการแพทย์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล”

เขากล่าวว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แพทยสภา สภาการแพทย์แผนไทย สภาเภสัชกรรม กรมการแพทย์ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เรียบร้อยแล้ว

โดยทั้งนี้ สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมุ่งเน้นหลักการสำคัญ 3 ประการ คือ

  1. เพิ่มการเข้าถึงการรักษาให้ผู้ป่วยที่ได้รับการรับรองจากผู้ประกอบวิชาชีพสามารถขออนุญาตปลูกและใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคของตนเองได้
  2. ต่อยอดภูมิปัญญาการแพทย์ในท้องถิ่นให้แพทย์แผนไทย โดยอนุญาตให้หมอพื้นบ้านสามารถขออนุญาตปลูกกัญชาเพื่อใช้ในการปรุงยาให้ผู้ป่วยของตนได้
  3. ส่งเสริมอุตสาหกรรมยาของประเทศให้เกษตรกรสามารถขออนุญาตปลูกกัญชาภายใต้ความร่วมมือกับผู้ผลิตยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร อีกทั้งผู้ผลิตยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรสามารถผลิตยากัญชาและส่งออกได้

เขาระบุว่า ร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฉบับใหม่ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงทางยาของประเทศ ไม่ต้องนำเข้ายากัญชาจากต่างประเทศ และประหยัดงบประมาณในการนำเข้ายาโดยใช้ยากัญชาทดแทนหรือใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้ อันจะเป็นอีกก้าวสำคัญที่ประเทศไทยจะก้าวสู่ผู้นำในการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างเป็นระบบ เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ ต่อยอดภูมิปัญญาไทย บรรลุตามนโยบายของรัฐบาล ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนไทยและประเทศชาติอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง