เอสซีจีและเครือข่ายแถลงความสำเร็จ ช่วย 78 ชุมชน ใน 27 จังหวัด แก้ไขสถานการณ์ภัยแล้ง ด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริมาเป็นแนวทางบริหารจัดการน้ำของชุมชน จนสามารถรอดพ้นภัยแล้งในปี พ.ศ.2563
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2563 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) เอสซีจี มูลนิธิบัวหลวง และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จัดแถลงความสำเร็จ “ร่วมมือ ร้อยใจ รอดภัยแล้ง” โครงการแก้ปัญหาภัยแล้งที่หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมมือกันสนับสนุนให้ชุมชนลุกขึ้นแก้ปัญหาภัยแล้งด้วยตนเองด้วยแนวทางตามพระราชดำริของของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการบริหารจัดการน้ำ
วีนัส อัศวสิทธิถาวร ผู้อำนวยการ Enterprise Brand Management Office เอสซีจี กล่าวว่าจากปัญหาภัยแล้งที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เอสซีจีจึงได้ผลักดันโครงการ “เอสซีจีร้อยใจ 108 ชุมชน รอดภัยแล้ง” เพื่อส่งเสริมให้ 108 ชุมชนที่ประสบภัยแล้ง ลุกขึ้นมาร่วมมือกันแก้ภัยแล้งด้วยตัวเอง ด้วยการเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสำรวจและจัดทำแหล่งน้ำในพื้นที่ โดยมีชุมชนแกนนำของอุทกพัฒน์ฯ และเอสซีจีร่วมเป็นพี่เลี้ยง
“ภายในระยะเวลา 2 ปี ในงบประมาณ 30 ล้านบาท กว่า 3 เดือนที่ได้เริ่มดำเนินโครงการฯ ทีมงานได้เข้าไปส่งเสริม 56 ชุมชน ในจังหวัดที่ประสบภัยแล้ง ทำให้มีน้ำสำรองสามารถกระจายและแบ่งปันน้ำได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการอุปโภค-บริโภค ในช่วงหน้าแล้งนี้” วีนัส กล่าว
เธอเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปีที่เอสซีจีได้เริ่มโครงการบริหารจัดการน้ำถึงปัจจุบัน มีชุมชนสามารถเอาชนะภัยเเล้งนำไปสู่การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนรวม 70 ชุมชน 16,200 ครัวเรือน ใน 28 จังหวัด มีปริมาณกักเก็บน้ำรวมถึง 26.4 ล้าน ลบ.ม. และมีพื้นที่เกษตรที่ได้รับประโยชน์รวม 45,300 ไร่
“ปัจจัยความสำเร็จเกิดจากคนในชุมชนใช้หลัก “ความรู้คู่คุณธรรม” มีความรักและสามัคคี ลุกขึ้นมาแก้ไขปัญหาร่วมกัน และมีคุณธรรมแบ่งปันใช้น้ำอย่างเป็นธรรม รวมถึงการความรู้ผสานการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อแก้ภัยแล้ง ที่สำคัญคนในชุมชนยังเป็นพี่เลี้ยง เผื่อแผ่ แบ่งปันความรู้ และประสบการณ์การบริหารจัดการน้ำ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจไปยังชุมชนต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง” เธอกล่าว
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการกิตติมศักดิ์สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เปิดเผยว่า สภาพฝนปัจจุบันที่เปลี่ยนไปจากในอดีตมาก ทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดน้ำท่วมและขาดแคลนน้ำเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะปีนี้ ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาภัยแล้งรุนแรงมากที่สุดในรอบหลายสิบปี
“หน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงได้ร่วมมือกันสนับสนุนให้ชุมชนลุกขึ้นแก้ปัญหาภัยแล้งด้วยตนเอง โดยน้อมนำแนวพระราชดำริและหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการน้ำของชุมชน เริ่มจากความเข้าใจสภาพพื้นที่ ปริมาณน้ำที่มี น้ำที่ต้องการใช้ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับปริมาณน้ำอย่างสมดุล และต้องเข้าถึงความรู้ในการบริหารจัดการน้ำ” ดร.สุเมธ กล่าว
“ในวันนี้มีหลายชุมชนที่เป็นตัวอย่างการจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริ และเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จจากการน้อมนำหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทำให้ชุมชนลุกขึ้นมาพึ่งพาตนเอง รู้จักหาความรู้ในการบริหารจัดการน้ำ ลงมือทำจนสำเร็จได้ เป็นการสร้างหนทางรอดภัยแล้งได้ด้วยตนเอง”
ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ภัยแล้งถือเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนในปี 2563 ซึ่งจะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหลายๆ หน่วยงาน เพื่อให้การแก้ปัญหาเรื่องการบริหารจัดการน้ำเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
“ผลสำเร็จของงาน “ร่วมมือ ร้อยใจ รอดภัยแล้ง” นับเป็นตัวอย่างที่ดีของการบูรณาการในการทำงานระหว่างหน่วยงานราชการ กับภาคเอกชน เชื่อมโยงไปสู่ประชาชน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยใช้ “ชุมชน และ พื้นที่” เป็นศูนย์กลาง ถือเป็นการสร้างความมั่นคงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง และเห็นเป็นรูปธรรมผ่านความร่วมมือของทุกภาคส่วนดังกล่าว” ดร.สุวิทย์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เกษตรผสมผสาน และการพัฒนาระบบชลประทาน คือหัวใจของการสร้างความมั่นคงทางอาหารที่แม่แจ่ม
- ชูตัวอย่างชุมชนรอดภัยแล้ง ชาวบ้านป่าภูถ้ำใช้แก้มลิงในพื้นที่เกษตร สร้างความมั่นคงทางอาหาร
- บ้านม่วงชุม จ.เชียงราย ชูวิถีเกษตรทฤษฎีใหม่ให้ชุมชนมีน้ำและอาหาร ต้านวิกฤต COVID-19
- เอสซีจีประสานความร่วมมือพันธมิตร ช่วย 108 ชุมชนแก้ภัยแล้ง เถลิงพระเกียรติในหลวง