เหลืออีกเพียง 5 วันก่อนถึงดีเดย์ 1 มกราคม 63 งดแจกถุงหูหิ้วพลาสติกในห้างร้านและร้านสะดวกซื้อ นักเศรษฐศาสตร์ติงรัฐไม่ควรหักดิบ ควรหาสิ่งทดแทนเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ใช้ เสริมอย่าแก้ปัญหาขยะเฉพาะต้นทาง ต้องแก้ระหว่างทางด้วย
ผศ.ดร.ประชา คุณธรรมดี กรรมการสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ แสดงความเห็นต่อนโยบายงดแจกถุงพลาสติกในห้างและร้านสะดวกซื้อว่ารัฐบาลไม่ควรหักดิบทันที เพราะจะเป็นการสร้างภาระให้กับผู้บริโภค ทางที่ดีควรหาสิ่งทดแทนเพื่อช่วยคนเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เช่น ถุงย่อยสลายได้ที่ทำจากมันสำปะหลัง ซึ่งย่อยสลายได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ประชายังเสริมว่านโยบาย 1 มกรานี้ไม่ใช่ทางออกเดียวที่รัฐควรทำ การงดแจกถุงพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งช่วยแก้ปัญหาจากต้นทาง ทว่ายังมีขั้นตอนระหว่างทางอีกหลายอย่างที่ต้องดำเนินการ เช่น ส่งเสริมการรีไซเคิล จัดการขยะนำเข้าจากต่างประเทศ รวมไปถึงรับมือขยะประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากพลาสติก การแก้ปัญหาขยะควรทำเป็นแบบองค์รวม
“นโยบายมาถึงจุดนี้แล้วคงถอยยาก แต่พอประกาศระยะหนึ่งแล้วอาจจะทบทวนอีกครั้งว่าติดขัดและมีจุดปรับปรุงอะไร” ประชาตั้งข้อสังเกต
นอกจากนั้น เขาย้ำว่ารัฐควรควบคุมมาตรฐานทางเลือกทดแทนการใช้ถุงพลาสติก เห็นได้จากตัวอย่างกรณีล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา ร้านสะดวกซื้อ Lawson108 เสนอทางเลือกให้ผู้บริโภค โดยการจำหน่ายถุงหูหิ้วรักษ์โลกที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ หากแต่นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมหลายคนออกมาตั้งคำถามว่าถุงรักษ์โลกดังกล่าวเป็นพลาสติกประเภทออกโซ (Oxo-degradable) หรือไม่ เพราะถึงแม้ว่าถุงพลาสติกชนิดดังกล่าวจะสามารถแตกสลายง่าย ทว่ายังคงมีส่วนประกอบไมโครพลาสติก ซึ่งนอกจากจะซ้ำเติมปัญหาไมโครพลาสติกปนเปื้อนในธรรมชาติแล้ว ถุงพลาสติกชนิด oxo ยังเป็นหนึ่งในพลาสติก 3 ประเภทที่ประเทศไทยจะยกเลิกการใช้นับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปอีกด้วย
อย่างไรก็ดี Lawson108 ได้ชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวผ่านทางช่องคอมเม้นต์ของเพจ CHULA Zero Waste ว่า ทางร้านยังคงให้ความร่วมมือในการงดแจกถุงพลาสติกหูหิ้ว นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ที่กำลังจะถึงนี้ และยืนยันว่าสำหรับถุงพลาสติกหูหิ้วที่ร้าน Lawson108 ได้ทยอยเริ่มใช้นั้น ผลิตตามมาตรฐานและรายงานและผลการทดสอบจากโรงงานผู้ผลิต
ในขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วราวุธ ศิลปอาชา แสดงความมั่นใจว่าภาครัฐและภาคธุรกิจค้าปลีก 75 แบรนด์ใหญ่ มีความพร้อมเต็มที่ที่จะร่วมกันงดให้บริการถุงพลาสติกหูหิ้วกับลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมนี้ ตามนโยบายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการดำเนินงาน เพื่อลดละเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว

วราวุธ กล่าวว่า ภายหลังจากภาครัฐได้ขอความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายภาคธุรกิจเอกชน ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ ทั่วประเทศในการร่วมกันงดให้บริการถุงพลาสติกหูหิ้วกับลูกค้า โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 เป็นต้นไป เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา ได้มีกิจการค้าปลีกทั้งรายเล็กและรายใหญ่กว่า 75 แบรนด์ ตอบรับเข้าร่วมในโครงการงดแจกถุงพลาสติก โดยคาดว่าจะสามารถลดปริมาณขยะจากถุงพลาสติกหูหิ้วได้ถึงประมาณ 13,500 ล้านใบ
เขายังเปิดเผยว่า ภาคธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการยังได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนะแนวทางต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานลดการใช้ถุงพลาสติกประสบผลสำเร็จ ถือเป็นความสำเร็จระดับประเทศ ที่ทำให้ทั่วโลกรับรู้ว่าประเทศไทย ไม่ได้นิ่งเฉยกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น
“จากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 – 2573 ปัจจุบันประเทศไทยสามารถลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วทั้งในตลาดสดเทศบาลและเอกชน รวมทั้งห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อได้แล้วกว่า 3,000 ล้านใบ” วราวุธกล่าว
อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่า ความร่วมมือจากภาคประชาชนถือเป็นอีกส่วนสำคัญในการผลักดันให้โครงการลดละเลิกการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งให้ประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึงขอเชิญชวนประชาชนทุกคนช่วยกันเป็นกระบอกเสียงสร้างกระแสการบอกต่อ ปรับเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถใช้ซ้ำ หรือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณขยะจากพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป
“จากนี้ไปขอให้ทุกคนพกถุงผ้าช้อปปิ้งในการจับจ่ายใช้สอยนะครับ ลดความสะดวกสบายลงสักนิด ต่อชีวิตให้สิ่งแวดล้อมกันครับ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง