มทภ.3 พูดชัด ไม่เปิดภาพวงจรปิดวิสามัญ ‘ชัยภูมิ’ ระบุต้องให้ศาลอนุญาต – ชี้ทหารยิงเพื่อป้องกันตัว

“แม่ทัพภาคที่ 3” ปฏิเสธเปิดภาพวงจรปิดวิสามัญ “ชัยภูมิ ป่าแส” อ้างส่งหลักฐานให้ตำรวจหมดแล้ว ต้องให้ศาลเป็นผู้อนุญาต ยืนยันทหารป้องกันตัว ใช้ปืนยิงเสมอกับถูกปาระเบิด

พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยเมื่อวันที่ 27 มี.ค.2560 ภายหลังถูกเรียกร้องให้เปิดภาพกล้องวงจรปิดขณะเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรม นายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชนเผ่าลาหู่ ตอนหนึ่งว่า คงไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากได้ส่งมอบภาพกล้องวงจรปิดให้กับตำรวจเพื่อใช้เป็นพยานในชั้นศาลแล้ว ฉะนั้นต้องให้ศาลเป็นผู้อนุญาตว่าจะเผยแพร่ได้หรือไม่ เพราะคดีนี้ตำรวจเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง

“ยืนยันว่ากองทัพไม่เคยปิดบัง แต่ต้องขึ้นกับตำรวจและศาลว่าจะอนุญาตให้เผยแพร่หรือไม่” แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าว

พล.ท.วิจักขฐ์ กล่าวอีกว่า นายชัยภูมิใช้ระเบิดปาใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็มีสิทธิป้องกันตัว ใครเจอภาวะแบบนั้นคงต้องตัดสินใจยิงเพื่อป้องกันตัว เพราะหากมองกลับกันนายชัยภูมิก็ใช้วิธีการขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันตัวเช่นกัน ทหารจึงต้องใช้อาวุธปืนป้องกันตัว ซึ่งไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบในเหตุการณ์ลักษณะนี้ เพราะถือว่าเสมอตัว

พล.ท.วิจักขฐ์ กล่าวว่า ทหารนายดังกล่าวได้ปฏิบัติตามกฎปะทะที่กำชับมาโดยตลอดว่า 1.หากไม่จำเป็นเจ้าหน้าที่จะไม่ใช้อาวุธ 2.จะใช้อาวุธเมื่อจำเป็นและเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น 3.จะใช้อาวุธต้องมีเป้าหมายที่เจาะจงและชัดเจน โดยไม่ใช้พร่ำเพรื่อ

“ที่สำคัญพลทหารนายดังกล่าวไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกับนายชัยภูมิมาก่อน จึงไม่มีเหตุหรือแรงจูงใจในการทำร้าย แต่ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดนายชัยภูมิซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาจึงขัดขืนการจับกุมและประทุษร้ายเจ้าหน้าที่”แม่ทัพภาคที่ 3 ระบุ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 3 จะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องเปิดภาพการปฏิบัติหน้าที่ของทหารจากกล้องวงจรปิด ทุกอย่างเดินไปตามกฎหมาย และผู้ที่ตรวจสอบในเรื่องนี้มีด้วยกัน 4 ฝ่าย คือ ตำรวจ แพทย์ อัยการ และฝ่ายปกครอง ยืนยันว่าทหารไม่ได้ทำฝ่ายเดียวและไม่ได้แทรกแซง

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์คำพูดของ พล.ท.วิจักขฐ์ ที่ระบุว่าถ้าเป็นตนจะกดออโต้นั้น สำหรับ พล.ท.วิจักขฐ์ ได้ผ่านศึกสงครามมาเยอะ ส่วนตัวจึงไม่ทราบเพราะต่างคนต่างความคิด ส่วนที่จะยื่นหนังสือต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อให้ตรวจสอบแม่ทัพภาคที่ 3 นั้นก็ทำไป

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายชัยภูมิ โดยเฉพาะการพบพิรุธ 3 ผู้ค้ายาเสพติดที่โอนเงินเข้ามาในบัญชี โดยเบื้องต้นยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าต้นทางของเงินมาจากไหน และผู้ค้ายาเสพติด 3 รายเป็นใคร เพราะเกรงว่าจะกระทบสำนวนคดี ส่วนที่ญาติระบุว่าเงินที่โอนเข้ามาเป็นเงินจากธุรกิจกาแฟนั้น จะต้องสามารถชี้แจงที่มาที่ไปของเงินได้ เพราะการทำธุรกิจต้องส่งเรื่องการเสียภาษี ซึ่งต้องสืบสวนและขยายผลเช่นกัน