กสม.จี้แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดภาพกล้องวงจรปิด-โทรศัพท์มือถือ ขณะเกิดเหตุวิสามัญ “ชัยภูมิ ป่าแส”
ความคืบหน้าคดีทหารวิสามัญฆาตกรรม นายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชนเผ่าลาหู่ วัย 17 ปี บริเวณจุดตรวจสกัดบ้านรินหลวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.2560 โดยล่าสุด นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้เรียกร้องให้แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยข้อมูลในกล้องวงจรปิดที่ประจำอยู่ในด่านตรวจและภาพจากกล้องโทรศัพท์มือถือ เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับสังคม
“ขอให้เปิดเผยถึงกล้องวงจรปิดที่ประจำอยู่ด่านตรวจ เพราะทราบว่ามีกล้องวงจรปิดและกล้องจากมือถืออีก”นางเตือนใจ กล่าว
นางเตือนใจ กล่าวอีกว่า ขณะนี้สังคมอยากได้คำตอบว่ายาเสพติดที่พบบริเวณด้านหน้ารถยนต์จำนวน 2,800 เม็ดนั้นจริงหรือไม่ นายชัยภูมิมีระเบิดเข้ามาต่อสู้ขัดขวางการจับกุมและกำลังจะขว้างใส่เจ้าหน้าที่จริงหรือไม่
นอกจากนี้ ยังอยากทราบเหตุผลว่ามีความจำเป็นอะไรที่จะต้องกระทำให้ถึงแก่ความตายด้วยการวิสามัญ และหากมีหลักฐานด้านเส้นทางการเงินของนายชัยภูมิที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริง ก็อยากให้นำออกมาแสดงเพื่อให้เกิดความกระจ่างต่อสังคมและครอบครัวของผู้สูญเสีย
พ.ต.อ.มงคล สัมภวะผล รอง ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนคดีวิสามัญนายชัยภูมิ กล่าวว่า คดีนี้จะต้องส่งสำนวนให้ศาลภายใน 90 วัน ส่วนญาติจะติดใจสงสัยบาดแผลอะไรก็สามารถร้องขอให้ชันสูตรศพเพิ่มเติมได้
“เรื่องที่พบยาบ้า 2,800 เม็ด และมีพยานระบุว่ามีคนนำยามาซุกซ่อนในรถของผู้ตายนั้น ตอนนี้ชุดทำงานก็กำลังตามตัวกลุ่มผู้ค้ายาที่ลอบนำยามา และเชื่อว่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้ ทุกอย่างจะกระจ่างมากขึ้น”พ.ต.อ.มงคล กล่าว
สำหรับกรณีผู้ตายมีข่าวพัวพันยาเสพติดในคดีที่สันทราย ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีหลักฐานการล่อซื้อ และความเคลื่อนไหวทางการเงินของผู้ตายก็ผิดจากเด็กทั่วไป
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะเดินทางไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินในวันที่ 27 มี.ค.นี้ เวลา 10.00 น. เพื่อร้องเรียนให้ตรวจสอบและเอาผิดใน 2 ประเด็น โดยหนึ่งในนั้นคือกรณีที่แม่ทัพภาคที่ 3 แถลงข่าวและให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าเป็นผมกดออโต้ไปแล้ว” ซึ่งเป็นการก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรม และขัดต่อระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยประมวลจริยธรรม 2551 และถือว่าเป็นความผิดทางวินัยทหารโดยชัดแจ้ง