‘รถติด’ ผลาญน้ำมันทิ้งวันละ 97 ล้านบาท สปท.ดันวิกฤตจราจรเป็นวาระแห่งชาติ

สปท.เผยวิกฤตรถติดเมืองใหญ่ ผลาญน้ำมัน 97 ล้านบาทต่อวัน “กทม.” รถล้นถนน 9 ล้านคันรับได้แค่ 1.5 ล้าน เสนอแผนปฏิรูปดันปัญหาจราจรเป็นวาระชาติ

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจราจรในเมืองใหญ่ ในคณะกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูประบบความปลอดภัยทางถนน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เปิดเผยว่า วิกฤตจราจรติดขัดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) และเมืองใหญ่ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต ปัญหาสิ่งแวดล้อม และความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิง 97 ล้านบาทต่อวัน หรือ 3.5 หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่จำนวนรถยนต์จดทะเบียนใน กทม.และปริมณฑล ปี 2558 มีประมาณ 9 ล้านคัน แต่ถนนรองรับได้เพียง 1.5 ล้านคัน

นายเสรี กล่าวว่า คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้เสนอแผนปฏิรูประยะสั้นหรือเร่งด่วน โดยรัฐจะต้องกำหนดให้ปัญหาการจราจรและความปลอดภัยเป็นวาระแห่งชาติ โดยให้การสนับสนุนทั้งด้านองค์กรและงบประมาณ ขณะเดียวกันต้องทบทวนบทบาท กทม.และท้องถิ่น ให้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาจราจร ซึ่งเราต้องควบคุมปัญหาปริมาณรถโดยใช้หลักคิดใครทำรถติดต้องรับผิดชอบ ส่วนแนวคิดที่เสนอให้กำหนดทะเบียนรถเลขคู่และเลขคี่วิ่งสลับวันกันนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่อาจจะกำหนดโซนเพื่อเก็บค่าธรรมเนียมที่เข้าไปใช้ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช่นที่ต่างประเทศ

นายสุจินต์ ทยานุกูล ผู้อำนวยการกองจัดระบบการจราจรทางบก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า สนข.ได้จัดทำโครงการบริหารจัดการความต้องการในการเดินทาง (TDM) รองรับการพัฒนาโครงข่ายการจราจรและระบบขนส่งสาธารณะในเขต กทม. โดยมาตรการนี้เป็นนโยบายแก้ไขปัญหาจราจรในเมืองต่างๆ ทั่วโลก เพื่อสนับสนุนให้ผู้ใช้รถส่วนตัวปรับเปลี่ยนไปใช้รูปแบบการขนส่งอื่นที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ปรับเปลี่ยนเวลาการเดินทาง เส้นทาง หรือจุดสิ้นสุดในการเดินทาง ซึ่งผลการศึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้วพร้อมเตรียมนำเสนอต่อไป

นายสุจินต์ กล่าวอีกว่า สำหรับระยะเร่งด่วนมีมาตรการ อาทิ ตั๋วร่วม ค่าโดยสารร่วม มาตรการเหลื่อมเวลาทำงานสำหรับหน่วยงานรัฐและเอกชน ปรับเวลาทำงานบางหน่วยงานเป็น 4 วัน วันละ 10 ชั่วโมง ส่งเสริมรถโรงเรียน ทำช่องเดินรถมวลชนให้เข้าเฉพาะรถเมล์และรถที่มีผู้โดยสารเกิน 3 คน ส่วนระยะกลางจะเน้นการสนับสนุนและจำกัดสิทธิในพื้นที่ที่มีโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าหนาแน่นเพียงพอ เช่น กำหนดโซนนิ่งเก็บเงินรถส่วนตัวเข้าพื้นที่จราจรคับคั่ง ขณะที่ระยะยาวจะเป็นมาตรการจำกัดสิทธิใช้รถเพิ่มเติมในพื้นที่โครงข่ายรถไฟฟ้า

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพิ่มกำลังตำรวจเพื่ออำนวยความสะดวกการจราจรในทุกพื้นที่ โดยให้ทุกกองกำกับการคอยดูแล อย่างไรก็ตามอยากให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น